ที่มา: https://www.mercular.com/computer-notebook/diy-computer/sound-card/
การ์ดเสียง หรือ Sound card เป็นอุปกรณ์สำหรับแปลงสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ออกสู่อุปกรณ์ภายนอกที่ให้เสียง เช่น หูฟัง หรือลำโพง ซึ่งเราสามารถตกแต่งเสียงได้อย่างอิสระ เพื่อทำให้เสียงที่ออกมานั้นได้ประสิทธิภาพตามที่เราต้องการ โดยการ์ดเสียงนี้สามารถใช้ตกแต่งเสียงได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเสียงหนัง เสียงเพลง หรือเสียงเกม ซึ่งการตกแต่งแต่งให้เสียงนั้นได้หลากหลายแบบนี้ ทำให้อรรถรสในการฟังนั้นมีเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย จะดูหนังก็เข้าถึงทุกบรรยากาศที่ออกมาในฉากนั้น ๆ จะฟังเพลงก็ได้รับดนตรีที่ลื่นหู และจะเล่นเกมก็ได้ยินชัดถ้วนทุกรายละเอียด
ดังนั้น การ์ดเสียง หรือ Sound card นั้นจึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จะทำให้กิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องใช้การฟังนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนั้นก็มีซาวด์การ์ดออกมาให้เลือกใช้กันอย่างมากมายหลายแบรนด์และหลากหลายขนาด ชาวเกมเมอร์คนไหนที่กำลังมองหาการ์ดเสียงดี ๆ สักตัวอยู่นั้นลองมาอ่านบทความ 5 Sound card เล่นเกม เพิ่มคุณภาพเสียงขั้นเทพ ที่จะทำให้เกมโปรดที่กำลังเล่นอยู่นั้นได้มีอรรถรสมากยิ่งขึ้น ไปดูกันเลยว่ามีตัวไหนบ้าง
การ์ดเสียง EPOS GSX 300 External Sound Card By Sennheiser
ราคาโดยประมาณ 2,990 บาท
การ์ดเสียง EPOS GSX 300 External Sound Card By Sennheiser คือตัวแรกที่เราอยากแนะนำให้กับชาวเกมเมอร์ได้ลองใช้งานดู เพราะเป็นการ์ดจอขนาดเล็กทำมาจากวัสดุพลาสติกแข็งและน้ำหนักเบา สามารถพกพาได้ง่ายดายไม่เปลืองพื้นที่ในกระเป๋า เป็นตัวซาวด์การ์ดที่พร้อมจะมอบคุณภาพการขับเสียงสูงสุดระดับ Hi-res ให้แก่ผู้ใช้งาน พร้อมทั้งรองรับฟีเจอร์เสียง 7.1 Surround ทำให้ได้เสียงที่ดีเลิศ และยังเน้นเสียงที่มีความใส เคลียร์ ฟังง่ายอีกด้วย
สำหรับการใช้งานเราสามารถเชื่อมต่อได้ง่ายดายจากด้านหลัง ด้วยช่องเสียบสาย AUX 3.5 ที่มีทั้งหมด 2 ช่อง เอาไว้สำหรับเชื่อมต่อไมโครโฟน และหูฟัง ซึ่งเสียงนั้นก็สามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้ที่ซอฟต์แวร์ปรับแต่งการใช้งาน สามารถปรับแต่งได้ทั้งหูฟังและไมโครโฟน เพื่อเสียงที่โดดเด่นกันได้อย่างเมามันไม่ว่าจะเป็น ปรับโหมดเสียง Surround ได้ ระหว่าง Stereo และ 7.1 ปรับ EQ ช่วง 64 – 16,000 Hz ได้ ปรับ Reverb ได้ และทดสอบ Audio Feedback ได้ของหูฟัง หรือในส่วนของไมโครโฟนก็สามารถแต่งเสียงไมค์ได้ระหว่างเสียงอุ่น เสียงใส และเสียงปกติ ปรับ Gain ไมค์ได้ ปรับ Side Tone (ความดังของ Playback) ได้ ปรับ Noise Gate ได้ และปรับ Noise Cancellation ได้ จึงจัดว่าเป็นอีกหนึ่งซาวด์การ์ดที่ครบครันในเรื่องเสียงจริง ๆ ครับ
การ์ดเสียง Sound BlasterX G6
ราคาโดยประมาณ 4,690 บาท
สำหรับตัวที่สองนั้นเราขอหยิบ การ์ดเสียง Creative Sound BlasterX G6 มาแนะนำ เป็นซาวด์การ์ดที่พัฒนามาจากตัวรุ่น G5 มีขนาดที่พอดีมือ และมีน้ำหนักเบา ทำให้การพกพาหรือจะทำการเคลื่อนย้ายก็สะดวกสบาย อีกทั้งยังใช้งานได้อย่างง่าย ๆ เพียงแค่เสียบสายและเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องเล่นเกม ก็สามารถเริ่มต้นใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้ยุ่งยาก มาพร้อมกับช่องเชื่อมต่อทั้งหมด 5 จุด ได้แก่ จุดเชื่อมต่อสำหรับจ่ายไฟ จุดเชื่อมต่อแบบ Optical 2 จุด และ Aux 3.5 มม. อีก 2 จุด ทำให้การ์ดเสียงตัวนี้นั้นพร้อมที่จะรองรับการเชื่อมต่อกับทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น TV ลำโพง โทรศัพท์ เครื่องเล่น Blue-Ray และ Platform เล่นเกมทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ เครื่อง PS เครื่อง Xbox หรือแม้แต่ Nintendo Switch ก็สามารถใช้งานได้เพื่อเสียงที่ดีในการเล่นเกม
นอกจากนั้น การ์ดเสียงตัวนี้สามารถถอดรหัสความละเอียดของเสียงได้ถึง 32-bit / 384kHz บนระดับเสียง 130dB และยังมี Xamp เทคโนโลยีเฉพาะของแบรนด์ Creative ทั้งหมด 2 ตัว มีหน้าที่เอาไว้ประมวลผลเสียงในหูฟังข้างซ้ายและขวาแยกกัน จึงทำให้ได้รับเสียงที่ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ไม่ตกหล่นรายละเอียดที่เล็ก ๆ แต่อาจจะสำคัญได้เป็นอย่างดี ซึ่งคุณภาพที่ได้จากตัวนี้เรียกว่าอัดแน่นมาก ๆ ชาวเกมเมอร์ทั้งหลายไม่ควรพลาดกันเลยครับ
EPOS GSX 1000 Dac-Amp By Sennheiser
ราคาโดยประมาณ 8,590 บาท
ตัวที่สามของเรานั้นขอยกให้กับ EPOS GSX 1000 Dac-Amp By Sennheiser ที่ถูกผลิตมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ ด้วยรูปทรงและการออกแบบที่ดูทั้งเท่และทันสมัย แบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีดำที่ดูเคร่งขรึมและหรูหราในเวลาเดียวกัน มาพร้อมการเชื่อมต่อที่หลากหลายทั้ง AUX 3.5 mm. และ Micro-USB มาพร้อมกับปุ่มควบคุมแบบหมุนสำหรับปรับเสียง Chat หรือสนทนาภายในเกม หน้าจอแสดงผลสถานะต่าง ๆ โดยใช้การควบคุมแบบสัมผัส Touch Screen สะดวกสบายด้วยฟังก์ชันการปรับเปลี่ยนไประหว่างหูฟังหรือลำโพงในปุ่มเดียว, การปรับเปลี่ยน Equalizer ที่เลือกได้ถึง 3 แบบคือ Music, ESports และ Movie เรียกได้ว่าผ่านการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีสามารถปรับเปลี่ยนและขับเสียงให้เข้ากับหูฟังตามรูปแบบที่เลือกได้อย่างสมจริงสุด ๆ
EPOS GSX 1000 ยังสามารถเลือกปรับได้ว่าจะให้เสียงมีต้นทางมาจากทิศทางไหน ด้านหน้า, ด้านหลัง หรือต้นทางปกติ, เลือกปรับเปลี่ยนระบบเสียงได้ทั้ง Stereo 2.0 หรือ 7.0 Surround อีกทั้งสามารถเลือกการได้ยินเสียงพูดของตัวเองขณะสนทนาได้อีกด้วย พร้อมกับระบบ Reverb (Environmental) ที่จะทำให้เสียงที่ได้ยินในเกมมีความแม่นยำมากขึ้น และมีความสมจริงจนได้เปรียบกว่าคนอื่น ๆ
เรียกได้ว่าเป็นตัวการ์ดเสียงที่มาพร้อมความทันสมัยด้วยระบบทัชสกรีนและยังโดดเด่นในเรื่องของการปรับเสียงที่ง่ายดายเพื่อชัยชนะในการเล่นเกมได้อย่างแท้จริงเลยครับ
การ์ดเสียง Asus XONAR ESSENCE STX II 7.1
ราคาโดยประมาณ 9,490 บาท
สำหรับตัวที่สี่ของการแนะนำนั้นได้แก่ การ์ดเสียง Asus XONAR ESSENCE STX II 7.1 ที่ไม่ว่าจะเอาไปฟังเพลงก็เข้าท่า ดูหนังก็เข้าที หรือจะเอาไปเล่นเกมก็ดีไปเสียหมด เพราะฟังก์ชันเสียงอันโดดเด่นอย่าง Hi-Fi หรือ Dolby headphone mode ที่จะทำการยกระดับเสียงและคุณภาพสัญญาณเสียงขึ้นไปอีกระดับทำให้เวทีเสียงมีมิติเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงทำให้สามารถระบุเสียง 7.1 ได้ทำให้การฟังเสียงนั้นราวกับหูเคลือบทองกันเลยทีเดียว
โดยซาวด์การ์ดของ ASUS ตัวนี้ประกอบไปด้วยบอร์ดทั้งหมด 7 ตัว แบ่งเป็นบอร์ดหลัก 1 ตัว และบอร์ดลูก 6 ตัวการ์ด ซึ่งตัวบอร์ดนั้นใช้ Cap เกรดดีทุกชิ้นส่วน พร้อม op-amp ชิปเสียงคุณภาพสูงเพื่อยกระดับเสียงต่าง ๆ ที่ออกมาให้ได้ฟัง ซึ่งถ้าอยากได้รับประสบการณ์เสียงที่ดีที่สุดต้องใช้เจ้าการ์ดเสียงตัวนี้กับหูฟัง สามารถรับเสียงได้ถึง 124dB SNR และยังมอบความความเสถียรสูง
รวมไปถึงฟังก์ชัน TCXO clock source ที่ช่วยเพิ่มความเสถียรให้แก่เสียงที่ออกมาอีกด้วย และจากที่บอกไปแล้วว่าเสียงของตัวนี้จะออกมาดีที่สุดเมื่อใช้งานร่วมกับหูฟัง ก็เพราะว่ามันสามารถรองรับหูฟังแรงขับสูงถึง 600 โอห์มได้เลยทีเดียว อีกทั้งมี Muses 08 op-amp 3 ตัวที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ในกรณีที่ต้องการอัปเกรดให้การ์ดเสียงนั้นเสียงดีมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่านอกจากเสียงจะดี ถูกใจชาวเกมแล้ว ยังสามารถปรับแต่งตัวการ์ดเสียงได้อย่างสนุกสนานอีกด้วยครับ
การ์ดเสียง Asus STRIX RAID DLX
ราคาโดยประมาณ 8,900 บาท
ตัวสุดท้ายของบทความนี้เราขอหยิบเอาตัว การ์ดเสียง Asus STRIX RAID DLX มาแนะนำกันครับ เป็นการ์ดเสียง ที่มาพร้อมกับ Audio base เทคโนโลยีที่ทำให้สามารถปรับตั้งค่าเสียงต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้อง Tab ไปที่หน้าจอตั้งค่าในคอมพิวเตอร์ให้เสียเวลา ไม่ต้องเปลือง Ram หรือ CPU ในการสลับหน้าจอไปปรับแต่งเสียง มาพร้อมกับฟังก์ชันแสนสะดวกสบายอย่าง Audio Box แล้วยังสามารถปรับแต่งเสียงได้อย่างละเอียดมาก ๆ ใน Sonic Studio แอปพลิเคชั่นสำหรับปรับค่าต่าง ๆ ของการ์ดเสียง อีกทั้งยังมีช่วงเสียงตอบสนองที่ช่วง 10 – 48kHz พร้อมด้วย TCXO clock source ที่รองรับการ Overclock ตัวเองให้มีความเสถียร และทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเสมอ
ด้วยรายละเอียดเสียงที่ 124dB SNR นั้นจัดว่าเป็นรายละเอียดเสียงที่สูงกว่า Game Dac ธรรมดา ๆ ถึง 64 เท่ากันเลยทีเดียวทำให้ไม่ต้องง้อ speaker หรือลำโพงกันเลย พร้อมด้วยชิ้นส่วน PCB ที่สามารถป้องกันเสียงรบกวน ให้การส่งออกเสียงและสัญญาณได้อย่างมีคุณภาพ ดังนั้นไม่ว่าจะเอาไปใช้เล่นเกมหรือดูหนังนั้นก็สามารถสร้างอรรถรสได้อย่างดีเยี่ยมกันเลยล่ะครับ
เป็นยังไงกันบ้างครับกับ 5 Sound card เล่นเกม เพิ่มคุณภาพเสียงขั้นเทพ ที่จะทำการยกระดับเสียงในเกมโปรดของคุณนั้นให้ออกมาอย่างเทพอย่างสุด ๆ ถือว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับคนที่อยากเพิ่มเติมรสชาติของเกมที่เล่นอยู่ ซึ่งตัวซาวด์การ์ดนั้นก็สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องเกมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือจะนำไปเชื่อมต่อเข้ากับโน๊ตบุ๊คของแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ ก็ทำได้เช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็น โน๊ตบุ๊ค Asus โน๊ตบุ๊ค Lenovo โน๊ตบุ๊ค MSI ก็สามารถเชื่อมได้หมด เพื่อยกระดับเสียงเกมไปอีกขั้น ใครที่อยากทดลองใช้ดูว่าเสียงของเกมที่ออกมานั้นจะเทพแค่ไหน ก็สามารถหาซื้อมาลองกันได้เลยครับ รับรองเลยว่าคุณจะไม่ผิดหวัง
เพิ่มเราเป็นเพื่อน คลิกที่นี่
แนะนำดีลที่คุ้มที่สุด แจ้งเตือนเดือนละครั้ง