เครื่องดูดฝุ่นไรฝุ่น Xiaomi ใช้ดีไหม ในราคา 800-1,100 บาท เราคิดว่าเป็นการซื้อที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับคุณภาพสินค้าที่ได้ รวมถึงโอกาสในการดูดไรฝุ่นในราคาประหยัด
นอกจากทีมงานของเราที่ประทับใจแล้ว Xiaomi Dust Mites Vacuum Cleaner รุ่นนี้ยังมีรีวิวที่ดีจากผู้ใช้ในอินเทอร์เน็ตหลายเว็บไซต์ โดยฟีเจอร์เด่น นอกจากแรงดูดที่สูงแล้ว มันยังมาพร้อมกับการฆ่าเชื้อด้วยแสง UV-C และฟิลเตอร์กรองแบบ HEPA ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดไรฝุ่น สารก่อภูมิแพ้ และสิ่งสกปรกออกจากพื้นผิว
เรายังชอบการออกแบบที่ใช้งานง่าย มีน้ำหนัก แข็งแรง ทำให้ง่ายต่อใช้งานและลากไปบนที่นอน หมอน เบาะ และพื้นผิวอื่นๆ
เรายังชอบรุ่นแบบมีสาย เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ในการใช้งานแต่ละครั้ง รวมถึงอายุการใช้งานในระยะยาว นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับรุ่นไร้สายที่มีราคาใกล้เคียงกัน จะเห็นได้ว่า เครื่องดูดไรฝุ่นแบบมีสายนั้นจะมีกำลังดูดสูงกว่า
เราคิดว่าถ้าคุณมีปัญหาภูมิแพ้ โดยเฉพาะคนที่รู้ตัวว่าแพ้ไรฝุ่น หรือบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง เมื่อได้ลองใช้งาน 1 ครั้งก็รู้เลยว่าควรซื้อมาใช้ตั้งนานแล้ว เพราะปริมาณฝุ่นที่ดูดออกมาได้จากโซฟา และของเล่นสุนัขที่ไม่ได้ดูสกปรก กลับมีฝุ่นออกมาจำนวนมาก คุ้มกว่าการจ้างคนมาดูดที่มีค่าบริการขั้นต่ำ 500-1,000 บาท มากๆ
พิกัด: Xiaomi Dust Mites Vacuum Cleaner
จุดเด่นและสเปคเครื่อง
- กำจัดฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ได้ 99%
- กำจัดเชื้อโรคและไรฝุ่นที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน ได้ถึง 90%
- กำจัด-ยับยั้งการเติบโตขอเชื้อโรคด้วยแสง UV-C และความร้อนสูงถึง 50 องศาเซลเซียส
- มอเตอร์: 100,000 รอบต่อนาที
- แรงดูด: 12000Pa (รุ่นมีสาย)
- กำลังไฟ 330W
- แรงดันไฟฟ้า 21.6 V
- ขนาด 24.8 × 22.2 × 13.3 ซม.
- น้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม
เครื่องดูดไรฝุ่นนั้นเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเครื่องดูดฝุ่นแบบเดิมๆ นั้นไม่เพียงพอที่จะทำความสะอาดพื้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับเครื่องดูดไรฝุ่นที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับดูดเก็บอนุภาคละเอียด สารก่อภูมิแพ้ และสิ่งปนเปื้อนที่เครื่องดูดฝุ่นทั่วไปดักจับได้ยาก
นอกจากนี้ เครื่องดูดไรฝุ่น ยังแตกต่างจากจากเครื่องดูดฝุ่นทั่วไปตรงที่มีระบบการกรองขั้นสูง ซึ่งสามารถดักจับอนุภาคที่เล็กมากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ปล่อยกลับไปสู่อากาศ ต่างจากไส้กรองของเครื่องดูดฝุ่นธรรมดาที่อาจทำให้ฟุ้งและเป็นอันตรายได้ แม้ว่าเครื่องดูดฝุ่นทั่วไปจะใช้งานได้หลากหลายและคล่องตัวกว่า แต่อาจจะเหมาะกับการดูดฝุ่นทั่วไปมากกว่าไรฝุ่นจากเตียงหรือโซฟา
ข้อดีของเครื่องดูดไรฝุ่นแบบมีสาย
แรงดูดที่แรงกว่า: โดยทั่วไปแล้วน้ำยาทำความสะอาดแบบมีสายจะมีประสิทธิภาพมากกว่าแบบไร้สาย เพราะนอกจากจะมีกำลังไฟที่สูงกว่าแบบไร้สาย ซึ่งส่งผลให้มีพลังดูดแรงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการกำจัดไรฝุ่น สิ่งสกปรก และสารก่อภูมิแพ้ออกจากพื้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ใช้งานได้ต่อเนื่อง: คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ คุณสามารถทำความสะอาดได้นาน 30-60 นาที หรือเท่าที่คุณต้องการโดยไม่หยุดชะงักในการชาร์จ (ระวัง: ควรหยุดพักเครื่องถ้าความร้อนสูง)
ความจุ: ตัวเครื่องที่มีกล่องเก็บฝุ่นขนาดใหญ่พอสมควร จะช่วยให้คุณทำความสะอาดได้ต่อเนื่องมากขึ้นก่อนที่จะต้องเททิ้ง ต่างจากรุ่นเล็กๆ ที่เมื่อที่เก็บฝุ่นใกล้เต็มก็จะดูดได้เบาลงอีกด้วย
ประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ: รุ่นมีสายจะรักษาประสิทธิภาพไว้ตลอดช่วงการทำความสะอาด พลังดูดไม่ค่อยๆ ลดลงเมื่อแบตเตอรี่หมด