วิธีเลือกกระเป๋าเดินทาง : 6 ข้อที่คุณต้องรู้ก่อนซื้อ

กระเป๋าเดินทางมีรูปร่างมากมายตั้งแต่กระเป๋าล้อเลื่อน เป้ กระเป๋าสะพาย โครงแข็ง หรืออ่อน ล้วนแต่มีข้อดีและข้อเสียต่าง ๆ กันไป แต่เรามี วิธีเลือกกระเป๋าเดินทาง ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ไม่ว่าคุณจะเป็นสายเที่ยว สายช้อป หรือต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศบ่อย ๆ การเลือกกระเป๋าเดินทางที่เหมาะกับคุณ จะทำให้ไม่เป็นภาระยุ่งยากที่จะต้องดูแล หรือลากจูงจนเกิดอาการบาดเจ็บ หรือแม้แต่มีปัญหากับสายการบินเพราะน้ำหนักเกินต้องเสียเงินเพิ่ม


วิธีเลือกกระเป๋าเดินทาง 6 ข้อสำคัญ


กระเป๋าเดินทางแบบแข็งหรือแบบผ้าดีกว่ากัน

กระเป๋าเดินทางทรงสี่เหลี่ยมแบบที่เรารู้จักนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. ฮาร์ดเคส หรือแบบวัสดุแข็ง ที่ส่วนใหญ่ทำจากโพลีโพรไพรลีน และโพลีคาร์บอร์เนต ซึ่งเป็นพลาสติกคุณภาพสูงทนทานแรงกระแทกและปกป้องของภายในได้ดีกว่า
  2. ซอฟท์เคส หรือแบบวัสดุอ่อน ที่ทำจากพวกเส้นใยอย่างเช่น ไมโครไฟเบอร์ ไนลอน, พีวีซี, หรือโพลีเอสเตอร์ หรือบางครั้งก็เป็นหนัง กระเป๋าแบบซอฟท์เคสส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะขยายเพิ่มขึ้นได้ราว 10-25% ทำให้เหมาะทริปช็อปปิ้งที่คุณอาจต้องซื้อของมากกว่าที่วางแผนเอาไว้

กระเป๋าแบบแข็งและแบบนิ่มนั้นมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ซึ่งท้ายที่สุดมันขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งานเป็นหลัก ทั้งนี้เราได้สรุปข้อดีข้อเสียหลัก ๆ ของกระเป๋าแบบแข็งและแบบผ้ามาไว้เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นดังตารางข้างล่างนี้

กระเป๋าแบบแข็ง กระเป๋าแบบผ้า
ข้อดี
  • ป้องกันของภายในกระเป๋าได้ดีกว่า
  • ป้องการการกรีดและขโมยของได้ดีกว่า
  • ทำความสะอาดได้ง่ายกว่า
  • มีสีให้เลือกมากกว่า
  • ยืดหยุ่นในแง่ขนาดและรูปทรงในการเก็บของ
  • มีตัวเลือกช่องเก็บของภายนอกให้เลือกมากกว่า
  • รับแรงกระแทกได้ดีกว่า
ข้อเสีย
  • ไม่มีช่องเก็บด้านนอก ต้องเปิดทั้งกระเป๋าเพื่อหยิบของ
  • ไม่ยืดหยุ่น และเป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย
  • ไม่กันน้ำและอาจดูดกลิ่นไม่พังประสงค์
  • ถูกกรีดโดยขโมยได้ง่ายกว่า
  • ป้องกันของที่แตกง่ายได้น้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม กระเป๋าแบบซอฟท์เคสในปัจจุบันมีวัสดุหลากหลายประเภทให้เลือก และหลายยี่ห้อก็ระบุว่ามันสามารถปกป้องข้าวของได้ดีกว่ากระเป๋าแบบนิ่มในสมัยก่อนอย่างมาก แถมยังมีกระเป๋าประเภทที่เรียกว่า Ultra-lightweight ซึ่งมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษอีกด้วย

แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกเอากระเป๋าแบบใด ควรคิดถึงคุณภาพของมันเป็นหลัก เพราะหากกระเป๋าแตก หัก พังกลางทางจะก่อให้เกิดปัญหาแก่คุณอย่างมาก


ขนาดของกระเป๋าเดินทาง – ไม่ควรใหญ่เกินไปสำหรับขึ้นเครื่องบิน

ล้อของกระเป๋าเดินทาง

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่คุณควรพิจารณา คือ ขนาดของกระเป๋าเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ใหญ่เกินไปสำหรับนำขึ้นเครื่อง โดยทั่วไป ควรเลือกกระเป๋าที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ที่ไม่ใหญ่เกิน 45 นิ้ว (ขนาดความยาวบวกด้วยความสูง) หรือกระเป๋าสำหรับโหลดใต้ท้องเครื่องบินไม่ควรใหญ่กว่า 62 นิ้ว (เอาความยาวบวกด้วยความสูง) ซึ่งจะเป็นขนาดมาตรฐานสำหรับสายการบินโดยทั่วไป) แม่ว้าคุณจะอยากนำเอากระเป๋าที่ใหญ่ที่สุดที่คุณจะสามารถเอาขึ้นเครื่องได้ แต่ก็ควรจะจำไว้ว่าถ้าคุณไม่สามารถจะยกกระเป๋านั้นเหนือหัวได้ การเอาไว้ในที่ไว้ของเหนือหัวก็จะเป็นปัญหา

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะตัดสินใจซื้อกระเป๋าใหม่ ก็ควรจะเช็คเว็บไซต์ของสายการบินที่คุณจะขึ้น เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับกระเป๋าทั้งแบบโหลดใต้เครื่องและแบบติดตัว เพราะว่าสายการบินมักจะมีกฎเกณฑ์ต่างกันไปในเที่ยวบินต่างประเทศกับเที่ยวบินในประเทศ

เมื่อบินกับสายการบินขนาดเล็กในต่างประเทศ ก็อาจจะจำกัดจำนวนกระเป๋าที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ คุณคงไม่อยากจะต้องทิ้งกระเป๋าใบหนึ่งไว้ใบหรือสองใบเพราะไม่สามารถจะเอาขึ้นเครื่องบินขนาดเล็กที่บินข้ามเมืองต่าง ๆ ในประเทศที่คุณไปเที่ยว ดังนั้นจงอย่าลืมเช็คระเบียบเรื่องกระเป๋าทุกครั้งก่อนขึ้นบิน


กระเป๋าเดินทาง ขนาด 21 นิ้ว ขึ้นเครื่องชัวร์ที่สุด

ขนาดกระเป๋าเดินทางที่สายการบินระหว่างประเทศส่วนมากอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ อยู่ที่ขนาด 22 x 14 x  9 นิ้ว (55 x 35 x 20 เซนติเมตร) ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กพอจะใส่เข้าไปในที่เก็บสัมภาระเหนือที่นั่งหรือใต้เก้าอี้ด้านหน้าของคุณได้ โดยนับรวมถึงล้อ ที่จับ และกระเป๋าข้าง

หลายคนอาจคุ้นชินกับการซื้อกระเป๋าที่ผ่านมาตรฐานรับรองขนาดของ TSA แต่คุณควรพึงระวังว่ามาตรฐานของสหรัฐฯ นั้นมีสิทธิ์จะใหญ่กว่าสายการบินอื่น ๆ ที่คุณกำลังจะโดยสาร

นอกจากนี้ สายการบินราคาประหยัด ที่ใช้เครื่องบินลำเล็กกว่า อาจกำหนดขนาดสูงสุดไว้เล็กกว่านั้น ดังนั้นจึงควรสอบถามข้อมูลให้แน่ใจก่อนเดินทาง เพื่อป้องกันความยุ่งยากที่อาจเกินขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นได้

ยกตัวอย่างเช่น สายการบิน Nokair นั้นมีการกำหนดขนาดที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องบินในเที่ยวบินนั้น โดยอนุญาตกระเป๋าขนาด 56 x 36 x 23 ซม. สำหรับลำใหญ่และ 50 x 36 x 23 ซม. สำหรับลำเล็ก

เพื่อความสะดวกและสบายใจในการใช้งาน เราแนะนำว่า ให้คุณซื้อกระเป๋า Carry-on ที่มีขนาด 21 x 13 x 9 นิ้ว หรือ 55 x 35 x 25 ซม. ซึ่งจะผ่านเกณฑ์ของแทบทุกสายการบินทั่วโลก รวมทั้ง Air France, Jet Blue และ Korean Air ซึ่งอนุญาตขนาดเล็กกว่าสายการบินอื่น ๆ

วิธีเลือกกระเป๋าเดินทาง

ขนาดกระเป๋าที่แต่ละสายการบินอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินได้

ที่มา: เว็บไซต์ของแต่ละสายการบิน ทั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ จึงควรตรวจสอบอีกครั้งก่อนเดินทาง
สายการบิน ขนาด (นิ้ว) น้ำหนัก (กก.)
Air Asia 22 x 14 x 9 15.4 7
British Airways 22 x 18 x 10 51 23
Cathay Pacific 22 x 14 x 9 7
Emirates 22 x 15 x 8 15 7
Etihad 19.6 x 15.7 x 9.8 15 7
Korean Air 21.5 x 15.7 x 7.8 12
Nok Air 22 x 14 x 9 15.4 7
Thai Airways 22 x 18 x 10 15 7
Thai Lion Air 15.7 x 11.8 x 7.8 15.4 7
United Airlines 22 x 14 x 9 7

 


รีวิวแนะนำ


ล้อและมือจับ : สองสิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้งาน

ในการเลือกกระเป๋าเดินทาง มีสองสิ่งสำคัญที่ควรจะติดมาพร้อมกับกระเป๋าเพื่อให้ความสะดวกในการใช้งาน ได้แก่ ล้อ และ มือจับ ที่มีคุณภาพ

ล้อเลื่อนจะทำให้สามารถพากระเป๋าไปได้อย่างง่ายดายในพื้นที่ราบเรียบ แต่จะไม่ค่อยเป็นประโยชน์นักบนพื้นขรุขระ หรือต้องขึ้นบันไดหลายชั้น นอกจากนี้คุณควรจะเลือกรุ่นที่ล้อสามารถหมุนได้ทุกทิศทางเพราะจะให้ประโยชน์มากกว่าล้อแบบยึดติดที่สามารถเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงได้เท่านั้น โดยเฉพาะสำหรับกระเป๋าใบใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก

มือจับสำหรับลาก มีทั้งในแบ๊คแพ็คและกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยม ก็ต้องดูให้แข็งแรง ทนทาน ไม่ก๊องแก๊ง มือจับหรือที่ลากหักพังเสียหายเมื่อใช้ไปไม่เท่าไร เพราะสิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการคือกระเป๋าที่หูจับชำรุดระหว่างการใช้งาน


ซื้อกระเป๋าเดินทางสีอะไรดี

ซื้อกระเป๋าเดินทางสีไหนดี

เราแนะนำว่าคุณควรเลือกกระเป๋าที่มีสีสันสดใส แทนที่จะเลือกกระเป๋าสีดำหรือเทาที่ซ้ำกับคนส่วนใหญ่ เพราะมันจะช่วยให้มองเห็นได้ง่ายเวลารอกระเป๋าบนสายพานหรือเมื่อถูกวางไว้รวมกับกระเป๋าจำนวนมาก

นอกจากสีของกระเป๋าแล้ว คุณควรจะดูการออกแบบภายในกระเป๋าว่าแบบไหนเหมาะกับคุณ เพราะบางคนอาจต้องการช่องใส่ของกระจุกกระจิกภายจำนวนมากกว่าคนอื่น

ถ้าเป็นไปได้ คุณควรเลือกกระเป๋าที่มีสายคาดข้างในเพื่อจะได้จัดระเบียบของได้ง่ายและช่วยประหยัดเนื้อที่ ขณะที่กระเป๋าบางรุ่นจะมีใส่ของแบบกันน้ำไว้สำหรับใส่เสื้อผ้าที่เปียกจากการว่ายน้ำ รวมทั้งป้องกันของเหลวจากบรรจุภัณฑ์ที่อาจไหลออกมาทำให้เสื้อผ้าของคุณเสียหายได้


วิธีเลือกกระเป๋าเดินทาง : มีอะไรอีกบ้างที่ควรนึกถึง

กระเป๋าที่มีห่วงหรือที่ยึดตรงมือจับสำหรับลากกระเป๋าจะทำให้คุณวางกระเป๋าเล็กบนกระเป๋าใหญ่ได้มั่นคง ยามอยู่ในสนามบินก็จะสะดวกขึ้นเพราะไม่ต้องหิ้วสองมือให้พะรุงพะรัง

หากเป็นได้คุณควรทดลองเดินไปมาพร้อมกับกระเป๋า ดูว่าที่จับพอดีไหม แข็งแรงดีไหม เบาหรือเปล่า สายรั้งบ่าพอดีกับไหล่คุณให้ความรู้สึกสบายไม่กดทับเกินไป และหากซื้อกระเป๋าออนไลน์ก็ควรจะสั่งซื้อล่วงหน้าหนึ่งเดือนหรือกว่านั้น เพราะจะสามารถเปลี่ยนคืนได้หากว่าไม่ถูกใจหรือว่ามีสิ่งใดเสียหาย


ราคาและการรับประกัน

กระเป๋าเดินทางคุณภาพส่วนใหญ่ที่เราชอบ มักมีราคาอยู่ในช่วง 4,000-6,000 บาท ซึ่งเราคิดว่านั่นน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับคนส่วนใหญ่ ซึ่งในราคานี้คุณควรจะได้กระเป๋าที่มาพร้อมการรับประกันคุณภาพและรับซ่อมแซมเมื่อเกิดการชำรุด เพราะบางครั้งกระเป๋าอาจเสียหายแค่จุดเล็ก ๆ เช่น มือจับขาด หรือ ตัวล็อคชำรุด การส่งซ่อมก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าเสียเงินซื้อกระเป๋าใหม่ทั้งใบ

ยังมีกระเป๋าเดินทางประเภทแบรนด์ดีไซเนอร์ที่มีราคาสูง แต่เราคิดว่ามันไม่ได้มีคุณภาพแตกต่างจากกระเป๋าเดินทางคุณภาพเหล่านี้แต่อย่างใด อีกทั้งคุณจะต้องทำใจว่ากระเป๋าเดินทางเป็นอะไรที่จะต้องถูกโยนและกระแทกไปมา และยากที่จะรักษาให้ไม่มีรอยขีดข่วน ดังนั้นเราคิดว่าการมีกระเป๋าเดินทางราคาแพงเกินไปจะเพิ่มความกังวลมากกว่าความสบายใจให้กับคุณ