จากการทดสอบและรวบรวมข้อมูลจากรีวิว ลำโพงบลูทูธ หรือ Bluetooth Speaker ทั้งในไทยและต่างประเทศ เราเชื่อว่า JBL Flip 3 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ต้องการลำโพงไร้สายที่มีขนาดพอเหมาะและสามารถพกพาไปที่ต่าง ๆ ได้ง่าย
JBL Flip 3 ทำได้ดีกว่าลำโพงในขนาดและราคาไล่เลี่ยกัน ทั้งในด้านคุณภาพเสียง การเชื่อมต่อ และฟังก์ชั่นการใช้งาน นอกจากนี้มันยังมาพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัย วัสดุที่คงทน ทำให้มันเหมาะกับการนำไปใช้งานในห้องต่าง ๆ ภายในบ้านของคุณหรือนำติดตัวไปด้วยเวลามีทริปต่างจังหวัดโดยไม่ต้องกลัวว่าจะชำรุดเสียหาย
ลำโพงบลูทูธขนาดกะทัดรัดที่เราคิดว่าคุ้มค่าที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่
เช็คราคาบน Lazada เช็คราคาบน Shopeeอย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนที่จริงจังกับการฟังเพลง และไม่จำเป็นต้องย้ายลำโพงไปมา เราคิดว่าคุณอาจเลือกลงทุนซื้อลำโพงบลูทูธสำหรับวางในบ้านของ Marshall รุ่น Stanmore II ซึ่งนอกจากจะให้เสียงที่ดีกว่าแล้ว ยังคุ้มค่ากว่ารุ่นอื่น ๆ ที่มีขนาดและคุณภาพเสียงใกล้เคียงกัน
ลำโพงบลูทูธที่เหมาะกับการใช้งานอยู่กับที่สำหรับคนที่ใส่ใจเรื่องคุณภาพเสียง
เช็คราคาบน Lazada รวมสินค้าลดราคาสารบัญ
- ลำโพงบลูทูธ เหมาะกับการใช้งานแบบไหน
- ประเภทของลำโพงบลูทูธ
- ทำไมเราถึงแนะนำ JBL Flip 3
- รุ่นอัพเกรด Marshall Stanmore II
- ตัวเลือกอื่น
ลำโพงบลูทูธ เหมาะกับการใช้งานแบบไหน
หากคุณเป็นชอบฟังเพลงหรือ podcast ระหว่างทำกิจกรรมต่าง ๆ เวลาอยู่บ้าน เราคิดว่าคุณจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการมีลำโพงบลูทูธไว้ใช้งานในบ้าน ขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงเวลาพบปะสังสรรกับเพื่อน ๆ
ข้อดีของลำโพงบลูทูธที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก คือ คุณสามารถย้ายมันไปในที่ต่าง ๆ ภายในบ้าน เช่น ในห้องครัวขณะคุณกำลังทำอาหาร หรือ ห้องนั่งเล่นขณะคุณกำลังพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์
นอกจากนี้ คุณยังสามารถสั่งการมันผ่านสมาร์ทโฟน ต่างจากเครื่องเสียงที่ส่วนใหญ่อาจต้องอาศัยอุปกรณ์เพิ่มเพื่อใช้งานในส่วนนี้
สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงด้วยหูฟังเป็นประจำ เราคิดว่าการเปลี่ยนมาใช้ลำโพงไร้สายเมื่ออยู่ในที่พักอาศัย จะทำให้คุณได้ฟังเพลงด้วยเสียงที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อหูของคุณมากขึ้น
เมื่อเทียบกับชุดเครื่องเสียงขนาดใหญ่ ลำโพงบลูทูธยังมีราคาที่ถูกกว่ามาก นอกจากนี้มันยังไม่กินพื้นที่และไม่ต้องอาศัยการเชื่อมต่อที่ยุ่งยาก โดยที่ความแตกต่างของคุณภาพของเสียงที่ได้นั้นลดน้อยลงกว่าในสมัยก่อนมาก
ประเภทของลำโพงบลูทูธ
ปัจจุบัน ลำโพงบลูทูธได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความสะดวกในการเชื่อมต่อและพกพา ทั้งนี้ ลำโพงบลูทูธที่วางขายทั่วไป สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลักตามการใช้งานดังนี้
ลำโพงบลูทูธแบบพกพา ที่อาจมีขนาดตั้งแต่ มีน้ำหนักไม่เกิน ซึ่เหมาะจะพกำาไปที่ต่าง ๆ รวมถึงเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กไว้ดูหนังฟังเพลงในห้องนอน ลำโพงขนาดเล็กหลายรุ่นยังออกแบบมาให้กันน้ำและกันฝุ่นเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการพกพาไปที่ต่าง ๆ เป็นประจำ แม้ว่าลำโพงเหล่านี้จะมีเสียงที่ด้อยกว่าลำโพงรุ่นใหญ่อย่างสัมผัสได้ก็ตาม และใช้แบตเตอรี่แบบชาร์จได้เป็นหลัก
ลำโพงบลูทูธแบบตั้งอยู่กับที่ เป็นลำโฑงที่เน้นคุณภาพเสียงเป็นหลัก และมักมีน้ำหนักและขนาดที่ใหญ่เพราะมันไม่ได้ออกแบบมาให้ถูกเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ ลำโพงในกลุ่มนี้นั้นมักจะอาศัยกำลังไฟฟ้าจากไฟบ้าน โดยบางรุ่นอาจมาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จไฟไว้ใช้โดยไม่ต้องเสียบปลั๊กได้เช่นกัน
Bluetooth speaker ทั้งสองประเภทนั้นมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน ซึ่งคุณควรเลือกซื้อให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ
รีวิวแนะนำ
- หูฟังราคาไม่เกิน 500 – 1,000 บาท ยี่ห้อไหนดีที่สุด
- หูฟังสำหรับออกกําลังกาย ยี่ห้อและรุ่นไหนดีที่สุด
- น้ำพุแมว ยี่ห้อไหนดีที่สุดสำหรับการใช้งานจริง
- อาหารแมวยี่ห้อไหนดี เทียบราคาและส่วนผสม 8 ยี่ห้อ
- หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดีที่สุด สำหรับการใช้งานจริง
ทำไมเราถึงแนะนำ ลำโพงบลูทูธ JBL Flip 3
จากการทดสอบและเปรียบเทียบรีวิวลำโพงบลูทูธหลายรุ่น เรายังเชื่อว่า JBL Flip 3 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ ซึ่งเราคิดว่าอาจไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเกิน 3 พันบาทสำหรับลำโพงไร้สายที่อาจไม่ได้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน
ด้วยการออกแบบที่ใช้งานได้สะดวก อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ มาตรฐานป้องกันน้ำ และราคา รีวิวหลายแห่งยกให้ Flip 3 เป็นหนึ่งในลำโพงบลูทูธแบบพกพาที่คุ้มค่าที่สุด
แม้จะมีขนาดเล็กกะทัดรัด Flip 3 ยังสามารถสร้างเสียงที่กว้างและมีคุณภาพในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งทำได้ดีกว่ารุ่นอื่น ๆ ที่มีราคาไล่เลี่ยกัน และดีกว่าลำโพงรุ่นเล็ก ๆ อย่างเห็นได้ชัด
ข้อดีที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของลำโพง JBL รุ่นนี้ คือ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 10 ชั่วโมง (ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh) นานพอสำหรับการใช้งานในหนึ่งวันของคนส่วนใหญ่ และทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาชาร์จไฟบ่อย ๆ
JBL Flip 3 รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.1 โดยมีระยะสัญญาณราว 10 เมตร ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งานของคนส่วนใหญ่
นอกจากวัสดุที่ให้ความรู้สึกแข็งแรงทนทานกว่า Flip 2 แล้ว มันยังมาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำ IPX7 ซึ่งหมายความว่า Flip 3 นั้นจะปลอดภัยจากน้ำที่กระเด็นใส่หรือการทำตกน้ำแบบชั่วคราว แม้ว่าในทางทฤษฎีมันจะผ่านการทดสอบในระดับความลึกสูงสุด 1 เมตร นาน 30 นาที แต่ในการใช้งานจริง คุณไม่ควรนำมันลงไปใช้ในน้ำโดยเด็ดขนาด เพราะมันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้ใต้น้ำ
การออกแบบที่สามารถวางได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ทำให้มันสะดวกในการนำไปใช้ในโอกาสต่าง ๆ นอกจากนี้มันยังถูกออกแบบมาให้ป้องกันน้ำที่กระเด็นใส่ ทำให้มันเหมาะจะนำไปใช้บนโต๊ะอาหาร หรือ ริมสระน้ำ เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเสียหายได้ง่าย
ปัญหาอย่างหนึ่งของ Flip 3 คือ เสียงเบสที่ค่อนข้างเบา ซึ่งเป็นปัญหาที่มักพบในลำโพงไร้สายขนาดเล็กส่วนใหญ่ ซึ่งคนที่ชอบเสียงเบสเป็นพิเศษ อาจเลือกพิจารณารุ่นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่านี้ เช่น
Flip 3 มีระดับเสียงสุดที่ดังพอจะใช้ในห้องที่มีคนอยู่จำนวนมาก แต่เราพบว่าเมื่อเร่งเสียงจนสุดจะทำให้เรารู้สึกว่าเสียงของลำโพงนั้นแบนกว่าเดิมและมีอาการเสียงแตกเล็กน้อยกับบางเพลง แต่ไม่มีปัญหาหากคุณเปิดที่ระดับความดังปกติ
แม้ว่าปัจจุบัน JBL จะออกลำโพงรุ่นใหม่อย่าง Flip 4 ออกมาแล้ว เราคิดว่า Flip 3 ยังคงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนส่วนใหญ่ (อ่านเพิ่มเติมในหัวข้อ ตัวเลือกอื่น ด้านล่าง)
รุ่นอัพเกรด ลำโพงบลูทูธ Marshall Stanmore II
เหตุผลหลักที่เราแนะนำลำโพงไร้สาย Marshall Stanmore II คือ ความสะดวกในการใช้งานและคุณภาพของเสียงที่ทำได้ดีกว่าลำโพงส่วนใหญ่ในราคาไล่เลี่ยกัน โดยให้เสียงที่เต็ม แน่น และเป็นธรรมชาติกว่าลำโพงหลาย ๆ รุ่น ซึ่งทำให้มันเหมาะกับเพลงแทบทุกชนิด
นอกจากนี้มันยังมีจุดเด่นที่สำคัญ คือ หน้าปัดปรับแต่งเสียงแบบมือหมุน ที่ทำให้คุณสามารถปรับความดัง เสียงเบส และเสียงแหลม ได้ตามความพอใจ โดยไม่ต้องปรับผ่านแอปบนสมาร์ทโฟน ซึ่งนอกจากจะให้ความรู็สึกคลาสสิคแบบลำโพงแบบดั้งเดิมแล้ว มันยังเพิ่มความสะดวกอย่างมากในการใช้งานจริง
Stanmore 2 ยังถือเป็นลำโพงไร้สายคุณภาพสูงที่ราคาไม่สูงจนเกินไป ที่ยังสามารถให้เสียงครอบคลุมทั่วทั้งห้องโดยไม่มีอาการแตกหรือแบนเมื่อเปิดเสียงดังสุด
เรายังชอบที่มันมาพร้อมกับช่องเสียบสัญญาณเสียงแบบดั้งเดิม ที่ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่น ๆ ได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านบลูทูธ เช่น ไอพอดรุ่นเก่า ๆ เป็นต้น ในขณะที่การเชื่อมต่อผ่านบลูทูธก็สามารถทำได้อย่างราบรื่นและมีระยะสัญญาณที่กว้างถึง 10 เมตร
ต่างจากลำโพงของบางยี่ห้อที่จะเน้นเสียงเบสหนักเป็นหลัก เราชอบที่ลำโพงขนาด 80 วัตต์ของ Marshall รุ่นนี้มีเสียงที่สมดุลย์ นั่นทำให้คุณสามารถยังฟังเพลงได้ชัดเจนเมื่อเปิดเสียงดัง โดยที่เสียงกลองหรือเบสไม่กลบเสียงอื่น ๆ จนหมด แต่ก็อาจไม่ถูกใจคนที่ชอบเสียงเบสเป็นหลัก
ด้วยขนาด 35 x 18.5 x 18.5 ซม. มันถือว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ด้วยน้ำหนักราว 4.7 กิโลกรัม เราคิดว่าคุณยังสามารถย้ายมันไปมาได้โดยไม่ลำบากจนเกินไป (ถ้าไม่ต้องย้ายมันบ่อยนัก) นอกจากนี้ดีไซน์ที่ตัวลำโพงค่อนข้างแคบ ทำให้มันสามารถวางบนชั้นหรือตู้ต่าง ๆ ได้ง่าย
เรายังชอบดีไซน์แบบย้อนยุคที่ถูกออกแบบมาให้มีหน้าตาคล้ายแอมป์กีต้าร์ แต่บางคนอาจชอบลำโพงไร้สายที่มีหน้าตาทันสมัยกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เราคิดว่ามันสามารถวางในบ้านส่วนใหญ่โดยไม่เกะกะสายตาจนเกินไป
นักรีวิวของเว็บไซต์อย่าง CNET และ PC Mag ต่างก็ให้คะแนน 4.5/5 คะแนน ซึ่งอาจนับได้ว่าเป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้คะแนนส่วนใหญ่สูงที่สุดในบรรดาลำโพงรุ่นที่วางขายในไทยในช่วงราคาเดียวกันนี้ เช่นเดียวกับ รีวิวบน Amazon และ Pantip ที่ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางบวก
ตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจ
JBL Flip 4
ลำโพงรุ่นที่พัฒนาต่อจาก Flip 4 ที่เราแนะนำรุ่นนี้ สามารถป้องกันน้ำได้ดีกว่า แบตเตอรี่ใช้ได้นานขึ้นราว 2 ชั่วโมง และบางคนมองว่ามีเสียงที่สมดุลมากขึ้น แต่ด้วยเรารู้สึกว่ามันไม่ได้ทำให้เสียงเบสซึ่งเป็นจุดด้อยของรุ่นนี้ดีชัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยราคาที่แพงกว่าถึงเกือบเท่าตัว เราคิดว่า Flip 3 นั้นน่าจะคุ้มค่ากว่าสำหรับคนส่วนใหญ่
B&O BeoPlay Beolit 17
หลายคนชื่นชอบ แต่ทีมงานของเรารู้สึกว่าเสียงที่ได้นั้นออกจะเน้นเสียงกลางและสูง โดยมีเสียงเบสที่น้อยกว่าความชอบของเรา นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับ Stanmore II ที่เราแนะนำ มันยังไม่มีปุ่มหมุนปรับโทนเสียง จึงต้องอาศัยการปรับแต่งผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มันยังถือเป็นลำโพงไร้สายคุณภาพสูง ที่มีดีไซน์สวยงามที่สุดรุ่นหนึ่งเช่นกัน
Bose Soundlink Revolve และ Revolve+
เราชอบดีไซน์ วัสดุ และเสียงของลำโพงทั้งสองรุ่นนี้ของ Bose และคิดว่ามันทำได้ดีเมื่อเทียบกับขนาด ซึ่งสามารถย้ายไปมาได้สะดวก แต่ยังคงให้เสียงใกล้เคียงกับลำโพงรุ่นใหญ่ ๆ
อย่างไรก็ตาม แต่ปัญหาใหญ่ของ Bose ในไทยคือราคาที่สูงเกินไป นี่เป็นปัญหาเดียวกับหูฟังของ Bose คือ เมื่อมันถูกนำเข้ามาจัดจำหน่ายในไทย ราคานั้นกลับแพงขึ้นกว่าในต่างประเทศอย่างมาก แต่ถ้าคุณสามารถหาซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่า (ประมาณ 6,000 และ 9,000 บาท) ในต่างประเทศหรือช่วงลดราคา เราคิดว่ามันเป็นตัวเลือกที่น่าลงทุนอีกรุ่นหนึ่งเช่นกัน
เพิ่มเราเป็นเพื่อน คลิกที่นี่
แนะนำดีลที่คุ้มที่สุด แจ้งเตือนเดือนละครั้ง