สายรัดข้อมือและนาฬิกาออกกำลังกายของ Fitbit นั้นยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องทั้งในไทยและต่างประเทศ แต่รุ่นไหนดีและคุ้มค่าที่สุดสำหรับการใช้งานจริงของคนส่วนใหญ่ ?
จากการรวบรวมข้อมูลจากกว่า 10 รีวิวบนเว็บไซต์ในไทยและต่างประเทศ เราเชื่อว่า Fitbit Charge 3 เป็นสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพที่ใช้งานได้ง่ายและคุ้มค่าที่สุด
นอกจาก Fitbit Charge 3 จะสามารถเก็บข้อมูลการออกกำลังกาย การนอนหลับ และอัตราการเต้นของหัวใจได้แล้ว มันยังทำได้ดีกว่ารุ่นอื่น ๆ ในด้านความสะดวกในการใช้งาน โดยเฉพาะดีไซน์ของหน้าปัด ความสบายในการสวมใส่ และอายุแบตเตอรี่ที่นานสูงสุดถึง 7 วัน (อ่านต่อด้านล่าง)
ฟิตเนสแทรคเกอร์ที่ตรวจวัดการออกกำลังกายได้แม่นยำ และกันน้ำได้สูงสุด 50 เมตร
เช็คราคาบน Lazada เช็คราคาบน Shopeeสารบัญ
- จุดเด่นของ Fitbit เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น
- ใครควรลงทุนซื้อ Fitness Tracker บ้าง
- ทำไมเราถึงแนะนำ Charge 3
- ตัวเลือกอื่น
- Flex 2
- Alta HR
- Charge 2
- Ionic
จุดเด่นของ Fitbit เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น
นอกจากดีไซน์เรียบง่ายที่หลายคนชื่นชอบมาตั้งแต่ยุคที่ Fitbit Flex เป็นที่นิยมอย่างมากแล้ว จุดเด่นที่ผู้ใช้งานนาฬิกาออกกำลังกายส่วนใหญ่น่าจะเห็นตรงกัน คือ ซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันของฟิตบิท ที่ทำได้ดีกว่ายี่ห้ออื่น
แม้ว่ารีวิวส่วนใหญ่จะมุ่งความสำคัญไปที่ตัวนาฬิกาออกกำลังกาย เรามองว่าแอปที่ใช้คู่กันนั้นสำคัญต่อการใช้งานจริงมากกว่าที่คิด และนี่เป็นจุดที่ฟิตบิท ทำได้ดีเป็นพิเศษและอาจพูดได้ว่าดีกว่า Garmin อย่างเห็นได้ชัด
นอกจากหน้าตาของแอปจะออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายแล้ว มันยังสามารถแชร์ข้อมูลกับผู้อื่นได้ง่าย ๆ เรายังสามารถบันทึกข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามความต้องการของเรา เช่น ปริมาณอาหารและน้ำที่บริโภคต่อวัน นอกจากนั้นแล้ว เรายังชอบระบบการแจ้งเตือนที่สามารถปรับแต่งได้แทบทั้งหมด รวมถึงการเคลียร์ข้อความแจ้งเตือนทั้งหมดทิ้งโดยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว
เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ Fitbit ยังถือเป็นยี่ห้อยอดนิยม ด้วยเหตุผลหลัก คือ ราคาเมื่อเทียบกับคุณภาพ ขณะที่การดูแลหลังการขายในไทยมีการรับประกัน 1 ปี
ใครควรลงทุนซื้อ Fitness Tracker บ้าง
สายรัดข้อมือหรือนาฬิกาออกกำลังกายของ Fitbit เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เมื่อหลายคนให้ความสนใจกับสุขภาพและการออกกำลังกายกันมากขึ้น
แน่นอนว่าคุณสามารถออกกำลังกายได้ โดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์เสริม แต่ fitness tracker นั้นมีข้อดีสำคัญ 2 อย่าง ที่เป็นประโยชน์ต่อการสนับสนุนให้คนหันมาออกกำลังกายเป็นประจำ คือ:
- มันช่วยเก็บบันทึกสถิติการออกกำลังกายของคุณ และนั่นช่วยกระตุ้นให้คุณอยากออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
- มันทำให้การออกกำลังกายสนุกขึ้น เพราะคุณสามารถมีส่วนร่วมกับผู้อื่นผ่านแอป หรือแข่งกับตัวเองผ่านฟังก์ชั่นของแอปได้
เราเชื่อว่าคุณอาจหาซื้อมี fitness tracker ของยี่ห้อใดก็ได้ หรือใช้แอปที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานบนโทรศัพท์ ก็สามารถช่วยให้คุณออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอมากขึ้นเช่นกัน
แต่หากคุณต้องการประสบการณ์ที่ดีกว่านั้น เราคิดว่าการลงทุนซื้อ fitness tracker ในราคาที่เหมาะสม ก็น่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหากมันสามารถช่วยให้คุณออกกำลังกายบ่อยขึ้นไม่มากก็น้อย
รีวิวแนะนำ
- Garmin รุ่นไหนดีที่สุดสำหรับการใช้งานจริง
- เครื่องวัดความดัน ยี่ห้อไหนดี
- เสื่อโยคะ Yoga Mat ยี่ห้อไหนดี
- ไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดีที่สุดสำหรับการใช้งานจริง
ทำไมเราถึงแนะนำ Fitbit Charge 3
จากการรวบรวมข้อมูลโดยละเอียด เราเชื่อว่า Charge 3 เป็นรุ่นที่ดีที่สุด ด้วยเหตุผลหลัก คือ มันสามารถทำงานได้ดีกว่ารุ่นอื่น ๆ แทบในทุกด้านที่สำคัญสำหรับคนส่วนใหญ่ กล่าวคือ มันสามารถเก็บข้อมูลได้แม่นยำ ใช้งานได้ง่าย และยังมีฟังก์ชั่นมากกว่าความต้องการของคนทั่วไปอีกด้วย
ในเรื่องของความแม่นยำ Amy Roberts นักวิ่งและผู้เขียนรีวิวของเว็บไซต์ Wirecutter ทดลองนำ Fitbit ไปทดสอบพร้อมกับ fitness tracker หลายรุ่นเพื่อดูความแม่นยำในการวัดจำนวนก้าวที่เดินตลอดทั้งวัน เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนที่ Pedometer (เครื่องวัดจำนวนก้าว) นับได้ ผลปรากฎว่า Charge 3 นั้นคลาดเคลื่อนไปประมาณ 17% ซึ่งมากกว่ารุ่นอื่น ๆ เล็กน้อย (ดูตารางเปรียบเทียบด้านล่าง)
แต่สิ่งที่มันทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจนคือการวัดระยะทางการเดินบนสายพานซึ่งคลาดเคลื่อนราว 8% ซึ่งน้อยกว่า Flex 2 และ Versa อย่างชัดเจน ซึ่งเราคิดว่าฟังก์ชั่นการวัดระยะทางนั้นเป็นสิ่งที่หลายคนน่าจะต้องการความแม่นยำสูงกว่าเพื่อใช้บันทึกสถิติการออกกำลังกาย
% คลาดเคลื่อนใน การนับจำนวนก้าว |
% คลาดเคลื่อนในการวัด ระยะทางวิ่งบนสายพาน |
|
---|---|---|
Charge 3 | 17.39% | 8% |
Flex 2 | 16.86% | 14% |
Versa | 26.41% | 16% |
Alta HR | 15.40% | 20% |
นอกจากนี้ มันยังสามารถบันทึกการนอนหลับได้ แม้กระทั่งการนอนหลับแบบชั่วครู่ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ fitness tracker หลายรุ่นไม่สามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม ความแม่นยำไม่ใช่จุดเด่นเพียงอย่างเดียวของ Charge 3 รีวิวของเว็บไซต์อย่าง Tech Advidor ยังยกให้ดีไซน์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายเป็นจุดเด่นสำคัญ ขณะที่ Tom’s Guide กล่าวว่าความสะดวกในการใช้งานนี้ทำให้มันเป็นการอัพเกรดที่ทำได้ดีกว่า Charge 2 รุ่นก่อนอย่างมาก
ในด้านความง่ายในการใช้งาน Charge 3 มาพร้อมกับหน้าจอทัชสกรีน ปุ่มที่ใช้การสั่นเพื่อทำให้รู้เหมือนการกด (คล้ายกับ iphone 7 และ 8) และไอคอนที่มีการระบุชื่อเมนูอย่างชัดเจนกว่า fitness tracker ส่วนใหญ่ เรายังชอบการแสดงแบตเตอรี่เป็นเปอร์เซ็นต์ ที่สามารถดูได้ง่ายกว่ารูปสัญลักษณ์แบตเตอรี่เปล่า ๆ บน fitness tracker บางรุ่น
เมื่อเชื่อมต่อกับแอปแล้ว คุณยังสามารถกำหนดการแสดงเมนูและ notifications ตามที่ต้องการได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้หลายรีวิวให้คะแนนในด้านความง่ายในการใช้งาน
จุดเด่นที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งของ Charge 3 คือ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่นานสูงสุดถึงประมาณ 7 วัน นั่นทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาชาร์จแบตบ่อย ๆ ซึ่งนอกจากจะไม่สะดวกแล้ว บางครั้งมันยังทำให้คุณสูญเสียวินัยในการออกกำลังกายเป็นประจำได้
Charge 3 ยังสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตร นั่นหมายความว่าคุณสามารถใส่มันว่ายน้ำได้ แม้ว่ารีวิวของหลายเว็บไซต์จะระบุว่ามันตรวจวัดระยะทางการว่ายน้ำได้ไม่แม่นยำนัก แต่นั่นก็ทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่ามันเหงื่อหรือน้ำที่กระเด็นโดนจะส่งผลเสียต่อเครื่อง
ข้อด้อยอย่างหนึ่งของสายรัดข้อมือรุ่นนี้คือมันจะสามารถใช้งาน GPS ได้โดยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ใช้งานหลายคนบน Lazada และ Pantip กล่าวถึงความไม่แม่นยำในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งเราคิดว่า fitness tracker ส่วนใหญ่มีปัญหาในจุดนี้ และไม่ควรนำมาใช้วัดอย่างจริงจัง
ฟิตเนสแทรคเกอร์ที่ตรวจวัดการออกกำลังกายได้แม่นยำ และกันน้ำได้สูงสุด 50 เมตร
เช็คราคาบน Lazada เช็คราคาบน Shopeeตัวเลือกอื่น
Flex 2
เราชอบ Fitbit Flex 2 เพราะมันเป็นหนึ่งรุ่นที่ทั้งบางและมีราคาประหยัดที่สุด มันสามารถเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวและอออกกำลังกายได้อย่างดี แต่ข้อเสียหลักของมันคือการที่มันไม่มีหน้าจอ ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณต้องอาศัยแอปหรือเว็บไซต์ในการดูข้อมูลส่วนใหญ่ นอกจากนี้มันยังไม่สามารถวัดความลึกในการนอนหลับและการวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ รวมถึงแบตเตอรี่ที่อายุสั้นกว่าอีกด้วย
อย่างไรก็ตามหากคุณรับข้อเสียเหล่านี้ได้ เราคิดว่า Flex 2 น่าจะถือเป็นตัวเลือกราคาประหยัดที่เราเองยินดีที่จะซื้อมาใช้งาน ถึงแม้เราได้ยินมาว่ามันกำลังจะถูกทดแทนด้วยรุ่นใหม่ก็ตาม
Alta HR
สายรัดข้อมือรุ่นที่มีดีไซน์บางกะทัดรัดนี้ มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ แถมยังมีอายุแบตเตอรี่ประมาณ 7 วัน พอ ๆ กับ Charge 3 ที่เราแนะนำ แต่เหตุผลที่เราไม่แนะนำรุ่นนี้เป็นเพราะ หน้าปัดที่มีขนาดเล็กและแทบจะไม่สามารถควบคุมหรือตั้งค่าต่าง ๆ ผ่านหน้าปัดได้เลย ต้องอาศัยแอปเป็นหลักเช่นเดียวกับ Flex 2 อีกทั้งยังไม่กันน้ำอีกด้วย
Charge 2
ฟิตบิทรุ่นก่อนหน้า Charge 3 ที่เราแนะนำ นอกจากจะเปิดตัวมาหลายปีมากแล้ว มันจึงด้อยกว่าในด้าน ความละเอียดของหน้าจอ อายุแบตเตอรี่ น้ำหนัก และประสิทธิภาพในการกันน้ำ นอกจากนี้มันจะหาซื้อได้ยากและราคาแพงกว่าด้วย เราจึงคิดว่า Charge 3 เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างชัดเจน
Ionic
อาจไม่ค่อยยุติธรรมนักที่จะนำ Ionic มาเปรียบเทียบกับ สายรัดข้อมือรุ่นอื่น ๆ ของฟิตบิท เนื่องจากมันถูกออกแบบมาให้เป็นนาฬิกาออกกำลังกายมากกว่า fitness tracker ดังนั้นมันจึงมีฟังก์ชั่นในตัวที่หลายอย่างที่ครบกว่า เช่น ระบบ GPS ในตัว ซึ่งทำให้ไม่ต้องพกโทรศัพท์ติดตัวไปด้วยขณะออกกำลังกาย อย่างไรก็ตามในฐานะ smartwatch มันยังถือว่าด้อยกว่านาฬิกาออกกำลังกายหลายรุ่นโดยเฉพาะฟังก์ชั่นการใช้งานบนหน้าปัด ด้วยราคาราว 10,990 บาท เราคิดว่า Charge 3 ยังเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
หากคุณให้ความสำคัญกับการวัดระยะทางในการวิ่งเป็นพิเศษ เราแนะนำให้อ่านรีวิวนาฬิกาออกกำลังกาย Garmin ของเราเพิ่มเติม
ตัวเลือกที่เราแนะนำ
ฟิตเนสแทรคเกอร์ที่ตรวจวัดการออกกำลังกายได้แม่นยำ และกันน้ำได้สูงสุด 50 เมตร
เพิ่มเราเป็นเพื่อน คลิกที่นี่
แนะนำดีลที่คุ้มที่สุด แจ้งเตือนเดือนละครั้ง