สำหรับคนที่กำลังมองหา SD Card ใหม่สำหรับกล้องถ่ายรูป กล้องติดหน้ารถ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เราคิดว่าคุณควรซื้อ Sandisk Extreme Pro SD UHS-I Card ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นเอสดีการ์ดที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานจริง เมื่อเทียบกับราคาและอายุการรับประกัน
SD Card รุ่น Extreme Pro นี้มีความเร็วในการเขียน-อ่านไฟล์ที่เร็วมากพอสำหรับการถ่ายรูปแบบ burst mode และถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ในราคาที่คุ้มค่ากว่ารุ่นอื่น ๆ เราแนะนำให้คุณซื้อรุ่นที่มีความจุ 64GB เป็นอย่างน้อยเพราะมีราคาต่อ GB ถูกกว่ารุ่น 32 GB
เราเลือกแนะนำเฉพาะรุ่นที่ได้มาตรฐาน Class 10, U3 เพราะมันเป็นระดับความเร็วที่เพียงพอสำหรับถ่ายวิดีโอ 1080p และ 4K และยังมีราคาไม่แตกต่างกับรุ่นที่ต่ำกว่ามากนัก ซึ่งทำให้เราเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
SD Card ที่เราเชื่อว่าคุ้มค่าที่สุดสำหรับการใช้งานของคนส่วนใหญ่
เช็คราคาบน Lazada เช็คราคาบน Shopeeถ้าหากคุณต้องการเมมโมรี่การ์ดที่มีความเร็วสูงสุดเพื่อการใช้งานแบบมืออาชีพ เราคิดว่าคุณอาจลงทุนซื้อ
Lexar SDXC Professional 2000x ขนาด 64GB ขึ้นไป ซึ่งเป็นการ์ดแบบ UHS-II หากคุณมีอุปกรณ์ที่รองกับการใช้งาน
Lexar 2000x สามารถอ่าน-เขียนไฟล์ได้ด้วยความเร็วสูงกว่า ทำให้คุณใช้งานได้อย่างไม่สะดุด อย่างไรก็ตาม มันก็มาพร้อมกับราคาที่สูงถึงราว 4,000 บาท และเราคิดว่ารุ่นที่เราแนะนำนั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานของคนส่วนใหญ่
SD Card แบบ UHS-II ที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการใช้งานแบบจริงจัง
เช็คราคาบน Lazada รวมสินค้าลดราคาสารบัญ
- วิธีเลือกซื้อ SD Card สำหรับกล้องถ่ายรูป
- SD Card Class 10, U3, V30 คืออะไร
- Sandisk Extreme Pro
- Lexar 64GB SDXC Professional 2000x
- ตัวเลือกอื่น
วิธีเลือกซื้อ SD Card สำหรับกล้องถ่ายรูป
Secure Digital Card หรือที่เราเรียกกันว่า SD Card นั้น เป็นหน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูลที่มีความสำคัญต่อการใช้งานอุปกรณ์หลายชนิด โดยเฉพาะกล้องถ่าย DSLR และกล้องวิดีโอ
การ์ดรุ่นที่เราแนะนำน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหาเอสดีการ์ดใหม่หรือมีปัญหาเกี่ยวกับความเร็วกับการ์ดที่คุณใช้อยู่ โดยเฉพาะสำหรับการถ่ายรูปแบบ burst mode และการถ่ายวิดีโอ 4K
นอกจากจะเก็บไฟล์ภาพแล้วมันยังสามารถใช้เพื่อเก็บไฟล์ทั่ว ๆ ไปสำหรับคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรามองหาในการเลือกซื้อเมมโมรี่การ์ด คือ ความเร็วในการอ่าน-เขียนไฟล์ ซึ่งในความเป็นจริงความเร็วในการเขียนไฟล์นั้นมีความสำคัญกว่าสำหรับการใช้งานกับกล้องถ่ายรูป
ในแง่การใช้งานจริง การ์ดที่ความเร็วสูงจะสามารถบันทึกภาพและวิดีโอได้ต่อเนื่องกว่า ตัวอย่างเช่น ขนาด raw file ของ Nikon D5 นั้นอยู่ที่ประมาณ 40-50 MB ดังนั้นในการถ่ายรูปแบบ burst mode ที่ยิง 12 เฟรมต่อวินาทีนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ บัฟเฟอร์เขียนไฟล์ภายในตัวกล้องที่จะเก็บไฟล์ภาพ ซึ่งหากเมมโมรี่การ์ดของคุณมีความเร็วสูงขึ้น มันก็จะสามารถเคลียร์บัฟเฟอร์เพื่อเขียนไฟล์ใหม่ถัดไปได้เร็วขึ้น เช่นเดียวกับการบันทึกวิดีโอที่มีค่าบิตเรทสูง อาทิ โหมด 4K หรือ 3 มิติ เป็นต้น
คุณควรจะลองหาข้อมูลว่ากล้องของคุณมีความเร็วในการเขียนไฟล์เท่าไหร่ในการใช้งานต่าง ๆ ซึ่งกล้องแต่ละรุ่นนั้นใช้ความเร็วสูงสุดที่ต่างกันไปในแต่ละโหมด เพื่อเลือกซื้อการ์ดที่รองรับความเร็วสูงสุดนั้นได้
นอกจากความเร็วสูงสุดแล้ว สิ่งที่คุณควรพิจารณาประกอบด้วย คือ ความเสถียรในการใช้งาน ราคา และอายุการรับประกัน
นอกจากนี้เอสดีการ์ดโดยส่วนมากจะมีความทนทานมากกว่าฮาร์ดดิสก์ส่วนใหญ่ เนื่องจากมันไม่มีชิ้นส่วนภายในที่อาจชำรุดได้ง่ายเมื่อเกิดการกระแทก
ตามข้อมูลของเว็บไซต์ www.sdcard.org การ์ดหนึ่งใบนั้นมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 10 ปีสำหรับการใช้งานปกติ ดังนั้นเราคิดว่าคุณควรลงทุนสำหรับระยะยาวและพิจารณาถึงโอกาสที่คุณอาจจะได้นำมันไปใช้กับกล้องรุ่นที่ใหม่กว่าในอนาคตด้วย
การ์ด SD / SDHC และ SDXC ต่างกันอย่างไร? ข้อแตกแตกต่างระหว่างการ์ดแบบ SD (Secure Digital) SDHC (Secure Digital High Capacity) และ SDXC (Secure Digital eXtended Capacity) ซึ่งข้อแตกต่างที่สำคัญ คือ ขนาดความจุ โดย SDHC จะมีความจุระหว่าง 4-32 GB และ SDXC จะมีความจะมากกว่า 32 GB ขึ้นไป
รีวิวแนะนำ
- External Harddisk ฮาร์ดดิสก์พกพารุ่นไหนดีที่สุด
- Flash Drive ยี่ห้อและรุ่นไหนดีที่สุดในการใช้งานจริง
- กล้อง DSLR สำหรับมือใหม่ รุ่นไหนดีที่สุด
- กล้องโพลารอยด์ Instant Camera รุ่นไหนดีที่สุด
SD Card แบบ Class 10, U3, V30 คืออะไร
เวลาคุณเลือกซื้อเอสดีการ์ดคุณจะต้องพบกับสัญลักษณ์เหล่านี้ ซึ่งเราได้รวบรวมความหมายคร่าว ๆ ไว้ให้ข้างล่างนี้
Class 10 : สัญลักษณ์นี้เป็นตัวแทนมาตรฐานยืนยันว่าการ์ดนั้นสามารถเขียนไฟล์ด้วยสปีดขั้นต่ำ 10 MB/วินาที เป็นอย่างน้อย ซึ่งเป็นความเร็วขั้นต่ำที่สุดสำหรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 1080p
U3 : เป็นระดับความเร็วประเภท Ultra High Speed ซึ่งสูงกว่าการแบ่งประเภทแบบ Class ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง โดย U3 นั้นบ่งบอกว่าการ์ดนั้นมีความเร็วขั้นต่ำที่ 30 MB/วินาที เป็นอย่างน้อย ซึ่งเป็นความเร็วขั้นต่ำสำหรับการถ่ายวิดีโอ 4K และเป็นมาตรฐานที่เราแนะนำสำหรับการซื้อเมมโมรีการ์ดสำหรับกล้องถ่ายรูปในปัจจุบัน
V90 : มาตรฐาน Video Speed เป็นมาตรฐานความเร็วชนิดใหม่ที่กำเนิดขึ้นในช่วงปี 2017 ที่ผ่านมา โดยมีตั้งแต่ V6 – V90 และบ่งบอกถึงระดับความเร็วที่เหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอ มาตรฐาน V30 นั้นจะมีความเร็วขั้นต่ำที่ 30 MB/วินาที (เท่ากับ U3) ขณะที่การ์ดชนิดที่ได้มาตรฐาน V90 นั้นมีความเร็วขั้นต่ำสูงถึง 90 MB/วินาที ทำให้มันเหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอ 4K และ 8K ด้วย (อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาและความเหมาะสมในการใช้งาน มันอาจยังถือว่าเกินความจำเป็นสำหรับช่างภาพส่วนใหญ่)
UHS-I และ UHS-II : ทั้งสองค่านี้เป็นตัวบ่งความเร็วอีกค่าหนึ่ง ซึ่งย่อมากจาก Ultra High-Speed (UHS) bus interface ซึ่งเกิดจากลักษณะของเทคโนโลยีส่งผ่านข้อมูล โดย UHS-I จะรองรับความเร็วสูงสุดถึง 104 Mb/s และ UHS-II จะรองรับความเร็วสูงสุดถึง 312 Mb/s (UHS-II จะอยู่ที่ 624 Mb/s)
อย่างไรก็ตาม การที่คุณจะสามารถใช้ความเร็วสูงสุดของ UHS-II ได้นั้น ต้องมีพอร์ตและอุปกรณ์ที่รองรับอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบัน กล้องส่วนใหญ่ยังรองรับแค่ UHS-I เท่านั้น เราจึงคิดว่า UHS-II ที่ยังมีราคาสูงกว่ามากอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในอีก 2-3 ปีข้างหน้า แต่หากคุณเลือกซื้อการ์ดแบบ UHS-II มันก็สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ที่รองรับ UHS-I ได้เช่นกัน เพียงแต่ความเร็วสูงสุดก็จะลดมาอยู่ที่ระดับของ UHS-I เท่านั้น
หมายเหตุ : การ์ดหนึ่งรุ่นอาจมีสัญลักษณ์หลายแบบในอันเดียว เช่น การ์ดชนิด V90 ย่อมเป็นการ์ด Class 10 และ U3 โดยปริยาย
Sandisk Extreme Pro SD UHS-I Card
SanDisk Extreme Pro มีความเร็วในการเขียน-อ่านไฟล์สูงสุดเมื่อเทียบกับรุ่นที่มีราคาไล่เลี่ยกัน อีกทั้งยังเป็นยี่ห้อที่ขึ้นชื่อเรื่องความเสถียรและคงทนในการใช้งาน ประกอบกับการรับประกันตลอดอายุการใช้งานซึ่งนับว่านานกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ที่รับประกันนาน 5-10 ปี
เป็นการ์ดชนิด UHS-I ที่มีความเร็วในการเขียนไฟล์สูงสุด ในขณะที่ SanDisk ระบุว่ามันมีความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 95 MB/s และการเขียนอยู่ที่ 90 MB/s ผลการทดสอบของเว็บไซต์ Camera Memory Speed ซึ่งทดสอบความเร็วของการ์ดสำหรับกล้องถ่ายรูปแทบทุกรุ่นเอาไว้
คุณอาจเห็นว่า Extreme Pro บางรุ่นจะโฆษณาว่ามีความเร็วสูงสุดมากกว่านี้ แต่นั้นจำเป็นต้องใช้งานร่วมกับ card reader รุ่นเฉพาะของ SanDisk อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบยังทำให้เราเห็นว่า Extreme Pro นั้นมีความเร็วในการเขียนสูงกว่ารุ่นอื่น ๆ ในราคาใกล้เคียงกัน
ความเร็วในการเขียนที่มากขึ้นนี้จะช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพได้รวดเร็วขึ้นและได้จำนวนภาพมากขึ้นในเวลาเท่าเดิม ขณะที่ความเร็วในการอ่านจะช่วยให้คุณย้ายโอนไฟล์ไปยังคอมพิวเตอร์ได้รวดเร็วมากขึ้น
เราแนะนำว่าคุณควรซื้อ Extreme Pro ขนาด 64 GB เป็นอย่างน้อย ยกเว้นว่าอุปกรณ์ของคุณไม่รองรับ SDXC ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น คุณอาจจำเป็นต้องเลือกซื้อรุ่น 32 GB แทน ซึ่งจะมีความเร็วในการเขียนน้อยกว่าเล็กน้อย และยังมีราคาต่อ GB แพงกว่าด้วย
นอกจาก SD Card ของ SanDisk จะมีการรับประกันตลอดอายุการใช้งานแล้ว (มีศูนย์ในไทย) ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ SanDisk Extreme Pro สามารถอยู่ใต้น้ำได้ลึก 1 เมตรได้นานถึง 72 ชั่วโมง และทนอุณหภูมิตั้งแต่ –13 ถึง 185 องศาฟาเรนไฮต์ รวมถึงทดนต่อรังสีจากเครื่อง X-Ray กระเป๋า
สำหรับมืออาชีพ Lexar 64GB SDXC Professional 2000x
การอัพเกรดมาใช้ Lexar 64GB SDXC Professional 2000x ที่รองรับเทคโนโลยี UHS-II นี้ อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อกล้องถ่ายรูปส่วนใหญ่ยังรองรับความเร็วในการเขียนสูงสุดในมาตรฐาน UHS-I เท่านั้น
ถึงอย่างนั้น ในการทดสอบของเว็บไซต์หลายแห่ง ยังพบว่า Lexar Professional 2000x เพิ่มความเร็วในการถ่ายภาพได้มากกว่า Sandisk Extreme Pro อย่างสัมผัสได้
แต่ด้วยราคาที่สูงถึงราว 4 พันบาท เราคิดว่ามันอาจเป็นการอัพเกรดที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์สำหรับ คนที่ทำงานเกี่ยวกับการถ่ายภาพอย่างจริงจัง คนที่ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง (4K) เป็นหลัก รวมถึงความเร็วที่จะได้เพิ่มขึ้นในการถ่ายโอนไฟล์จำนวนมากลงคอมพิวเตอร์อีกด้วย
ถึงแม้เราจะคิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้ในตอนนี้ (โดยเฉพาะสำหรับ กล้องวงจรปิด หรือ กล้องหน้ารถ) เราเชื่อว่าในอนาคต UHS-II จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และด้วยอายุการใช้งานของการ์ดส่วนใหญ่ เราคิดว่าคุณอาจลงทุนซื้อ Professional 2000x ถ้าคุณต้องการคุณภาพสูงสุดในการถ่ายโอนไฟล์
Lexar Professional 2000x นั้นมาพร้อมกับ SD UHS-II Reader ซึ่งจะช่วยให้คุณอ่าน-เขียนไฟล์ได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 300 MB/s และ 260 MB/s โดยที่อุปกรณ์ของคุณต้องมีพอร์ตที่รองรับความเร็วสูงสุดนี้ด้วย
ตัวเลือกอื่น
เราคิดว่าในการใช้งานจริง ไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อการ์ดยี่ห้อไหนก็ตาม คุณควรเลือกรุ่นที่มีสัญลักษณ์ Class 10 และ U3 เป็นอย่างน้อย (และ V30 ถ้าเป็นไปได้) เพื่อให้ได้ความเร็วสูงสุดที่เพียงพอสำหรับการถ่ายวิดีโอความเร็วสูง
การ์ดรุ่นใหม่ ๆ ของยี่ห้อชั้นนำนั้นมีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ปัญหาหลักในการหาซื้อ คือ ต้องระวังของปลอม ซึ่งแทบจะมีหน้าตาไม่ต่างจากของแท้ทำให้บอกได้ยาก จนกระทั่งเมื่อคุณลองใช้แล้วพบว่ามันมีขนาดความจุหรือความเร็วน้อยกว่าที่ควร
เพื่อป้องกันการซื้อสินค้าปลอม เราแนะนำว่าคุณควรซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะร้านที่เป็นของผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของยี่ห้อที่เชื่อถือได้ เช่น ร้านของ SanDisk, Transcend หรือ Lexar ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ได้สินค้าของแท้แล้วยังทำให้คุณสามารถเคลมประกันได้ง่ายเมื่อเกิดปัญหาขึ้น
การ์ด Class 10 และ U3 รุ่นอื่น ๆ ที่เรามีโอกาสได้ทดสอบ รวมถึง Lexar 633x 64 GB และ Kingston SD Card Canvas 64 GB ซึ่งมีราคาถูกกว่าเล็กน้อย ต่างก็มีความเร็วในการอ่าน-เขียนไฟล์ช้ากว่า และยังมีอายุการรับประกันสั้นกว่า Sandisk Extreme Pro รุ่นที่เราแนะนำอีกด้วย
เพิ่มเราเป็นเพื่อน คลิกที่นี่
แนะนำดีลที่คุ้มที่สุด แจ้งเตือนเดือนละครั้ง