รีวิว หูฟังราคาไม่เกิน 1,000 บาท ยี่ห้อไหนดีที่สุด จากการทดสอบหูฟังหลายรุ่น รวมถึงรวบรวมข้อมูลจากรีวิวของหลายเว็บไซต์
เราเชื่อว่า JBL T110 เป็นหูฟังราคาประหยัดรุ่นที่ที่คุ้มค่าที่สุด ทั้งในด้านคุณภาพเสียง ความทนทาน และความสะดวกในการใช้งาน
แน่นอนว่าคุณภาพเสียงนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่คุณไม่สามารถคาดหวังได้มากนักจากหูฟังราคาต่ำกว่า 500 – 1,000 บาท เมื่อเทียบกับรุ่นที่แพงกว่า แต่ JBL T110 ยังสามารถให้เสียงในระดับที่ถือว่ามีคุณภาพที่ดีสำหรับทั้งฟังเพลงและคุยโทรศัพท์
นอกจากนี้ มันยังมาพร้อมกับไมโครโฟนในตัว ซึ่งสามารถใช้งานได้ ประกอบกับดีไซน์และวัสดุที่ทำให้เรารู้สึกว่าคุ้มค่ากว่ารุ่นอื่น ๆ ในราคาไล่เลี่ยกัน
หูฟังแบบ In-Ear ที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ มาพร้อมไมโครโฟนและรีโมท
เช็คราคาบน Lazada เช็คราคาบน Shopeeสำหรับคนที่ต้องการหูฟังเพื่อการฟังเพลงเป็นหลัก เราคิดว่าคุณควรเลือก Sennheiser CX 213 ซึ่งมีเสียงเบสและความกว้างที่ดีกว่า T110 อย่างไรก็ตามมันไม่มีไมโครโฟนและรีโมทในตัว
หูฟังราคาต่ำกว่า 500 หรือ 1,000 บาทหลายรุ่นนั้นมีโอกาสชำรุดได้ง่ายมาก แต่ Sennheiser CX 213 นั้นทำได้ดีในด้านวัสดุที่ใช้ โดยมีซิลิโคนที่สามารถใส่ได้สบายหู และมาพร้อมกับการรับประกันนานถึง 2 ปี
ตัวเลือกสำหรับคนที่เน้นการฟังเพลงเป็นหลัก ในราคาไม่เกิน 1,000 บาท
เช็คราคาบน Lazada รวมสินค้าลดราคาTips: สำหรับคนที่ต้องการหูฟังไร้สายในราคาต่ำกว่าหนึ่งพันบาท เราคิดว่าคุณควรเพิ่มเงินอีกเล็กน้อยและอัพเกรดเป็น Anker Soundbuds Slim ที่น่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าการซื้อหูฟังไร้สายอื่น ๆ ที่มีคาต่ำกว่าพันบาท
หูฟังไม่เกิน 1,000 บาท ใช้ดีไหม
หูฟังราคาไม่เกินหนึ่งพันบาทนั้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้งานแก้ขัด ทำหูฟังหายบ่อย หรือจำเป็นต้องมีหูฟังหลาย ๆ คู่ไว้ใช้ในที่ต่าง ๆ และไม่คำนึงถึงคุณภาพเสียงมากนัก
ในช่วงราคา 500 – 1000 บาท เราสามารถหาซื้อหูฟังที่มีคุณภาพสูงกว่าเมื่อ 2 – 3 ปีก่อนมาก ด้วยการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น คุณจะเห็นได้ว่าหูฟังแบรนด์ชั้นนำหลายยี่ห้อหันมาผลิตรุ่นที่มีราคาประหยัดไว้เป็นตัวเลือกให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้น
ข้อดีที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการใช้หูฟังราคาถูก คือ คุณไม่ต้องระมัดระวังมากนักเวลาใช้งาน คุณสามารถวางทิ้งไว้บนโต๊ะ หรือโยนทิ้งไว้บนรถ โดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะสูญหายหรือเสื่อมสภาพ
ทีมงานของเราหลายคนชอบที่จะมีหูฟังพวกนี้ติดกระเป๋าไว้ เพราะมันไม่ต้องการการดูแลอะไรมาก และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะพบว่าได้ใช้งานมันบ่อยมากกว่าที่คิดหากมีติดกระเป๋าเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ยังมีหูฟังราคาถูกที่หาซื้อได้ตามตลาดนัดทั่วไป ซึ่งหลายคนน่าจะรู้ว่ามันมักจะมีอายุการใช้งานที่สั้นมาก ซึ่งเราคิดว่าคุณไม่ควรซื้อหูฟังเหล่านี้ แต่ควรลงทุนซื้อรุ่นที่มีคุณภาพขึ้นมาหน่อย เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาซื้อหูฟังใหม่บ่อย ๆ หรือต้องคอยหงุดหงิดเมื่อหูฟังชำรุดขึ้นมาเวลาที่จำเป็นต้องใช้
- รีวิว มีดโกนหนวด ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนใช้ดีที่สุด
- กาวตราช้าง ยี่ห้อไหนดีที่สุด ที่มีวางขายในเซเว่น
- นาฬิกา Garmin รุ่นไหนดี เปรียบเทียบแต่ละรุ่นปี 2022
รีวิวหูฟัง JBL T110
จากการเปรียบเทียบหูฟังราคาต่ำกว่าหนึ่งพันบาทที่มีวางขายทั่วไปในไทย เราเชื่อว่า JBL T110 เป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในแง่คุณภาพเสียง วัสดุที่ใช้ ความคงทน เมื่อเทียบกับราคา 499 บาท
JBL T110 เป็นหูฟัง in-ear แบบเชื่อมต่อผ่านแจ็คขนาด 3.5 mm ซึ่งมาพร้อมกับซิลิโคนให้เลือกใช้ 3 ขนาดด้วยกัน ได้แก่ S M L ซึ่งคนส่วนใหญ่น่าจะสามารถเลือกขนาดที่เหมาะสมและสวมใส่ได้อย่างสบาย เพราะตัวหูฟังเองนั้นก็มีน้ำหนักค่อนข้างเบาอยู่แล้ว (น้ำหนักรวมประมาณ 30 กรัม)
นอกจากนี้ มันยังเป็นหนึ่งในไม่กี่รุ่นที่มาพร้อมกับไมโครโฟนในตัว ซึ่งเราคิดว่าทำให้มันสามารถใช้งานได้หลากหลายกว่า โดยคุณสามารถใช้ฟังเพลง คุยโทรศัพท์ รวมถึงใช้ประชุมผ่านแลปท็อปได้อย่างสะดวก เสียงที่ได้จากไมโครโฟนยังถือว่ามีคุณภาพสูงอีกด้วย
รีโมทบนหูฟังนั้นเป็นแบบปุ่มกดเดียวที่คุณสามารถใช้รับสาย วางสาย ปิดเสียง หรือหยุดเพลงที่กำลังเล่นอยู่ได้ อย่างไรก็ตาม เราคิดว่ามันจะดีกว่านี้ถ้ารีโมทจะสามารถเพิ่มลดเสียงได้ในตัว
ด้วยไดรเวอร์ขนาด 9 มิลลิเมตร T110 ยังทำได้ดีในแง่คุณภาพเสียง แม้ว่าจะยังถือว่ามีเสียงค่อนข้างแบนเมื่อเทียบกับหูฟังราคาแพงกว่า ซึ่งเป็นปัญหาที่มักพบในหูฟังรุ่นเล็ก ๆ
สำหรับคนที่มีปัญหากับสายหูฟังที่ชอบพันกัน JBL T110 มาพร้อมกับสายแบนที่จะช่วยลดปัญหานี้ได้ อย่างไรก็ตามในด้านความสวยงามทีมงานของเรายังชอบสายกลมแบบเดิมมากกว่า T110 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ขาว ดำ น้ำเงิน แต่ทีมงานของเราส่วนใหญ่มองว่าสีดำนั้นดูดีที่สุด
หูฟังราคา ห้าร้อยถึงหนึ่งพันบาทส่วนใหญ่ มักมีปัญหาด้านคุณภาพของวัสดุที่ใช้ แต่นั่นเป็นจุดที่ T110 ทำได้ดี ถึงแม้บางจุดอาจอาจสังเกตได้ถึงความไม่เนียบของวัสดุ แต่ในการใช้งานจริงมันยังมีคุณภาพพอที่ทำให้ใช้งานได้โดยไม่รู้สึก ก๊อกแก๊ก หรือกังวลว่ามันจะพังได้ง่าย ๆ
เมื่อเทียบกับฟังก์ชั่นทั้งหมด และด้วยราคาเพียง 490 บาท มันยังมาพร้อมกับการรับประกันนานหนึ่งปีอีกด้วย
Sennheiser CX 213
มีดีไซน์ และวัสดุที่ทีมงานของเรารู้สึกว่าแข็งแรงและสวยงามว่า JBL T110 แต่จุดสำคัญที่ทำให้เราแนะนำ Sennheiser CX 213 เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการหูฟังสำหรับฟังเพลงในราคาไม่เกิน 1,000 บาท คือ คุณภาพเสียง
จากการทดสอบหูฟังหลายรุ่น เราพบว่า CX213 ทำได้ดีที่สุดในคุณภาพเสียง โดยมีจุดเด่นที่เสียงกลางที่พุ่งกว่า T110 อย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับเบสที่สามารถจับได้เป็นลูก ๆ นอกจากนี้ยังมีความกว้างของเสียง (soundstage) ที่กว้างกว่าหูฟังรุ่นอื่น ๆในช่วงราคานี้ เช่นเดียวกับ T110 อย่างรู้สึกได้
ข้อเสียอย่างหนึ่ง คือ มันไม่ได้มาพร้อมกับรีโมทในตัว ทำให้มันไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้กับโทรศัพท์หรือใช้สำหรับคุยงานผ่านสไกป์ จึงทำให้มันเหมาะสำหรับใช้ดูหนังฟังเพลงเป็นหลัก
นอกจาก CX 213 จะมีน้ำหนักที่เบากว่า T110 เล็กน้อยแล้ว สิ่งที่เราชอบอีกอย่างหนึ่ง คือ การออกแบบที่ทำให้สายหูฟังนั้นทิ้งตัวลงและทำให้มันรับการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่ได้โดยไม่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนขณะฟังเพลง ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่เรารู้สึกว่าทำให้ฟังเพลงได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
ในภาพรวมเรายังชอบดีไซน์ที่เรียบง่าย ขนาดเล็กกะทัดรัด และการใช้พลาสติกด้านผสมกับพลาสติกมันที่ให้ความรู้สึกน่าใช้ และเช่นเดียวกับหูฟัง Sennheiser รุ่นอื่น ๆ CX 213 ยังมาพร้อมกับการรับประกันถึง 2 ปี
หูฟังราคาประหยัดยี่ห้ออื่น
หูฟังของ AKG ที่แถมมาพร้อมกับ Samsung Galaxy หลายรุ่น เช่น S10 S20 ซึ่งมีทั้งแบบ type-c และ 3.5 mm เป็นหนึ่งในหูฟังที่เราชอบมากที่สุด และชื่นชอบในความทนทาน แม้ว่าคุณภาพเสียงจะแบนกว่ารุ่นที่เราแนะนำ หากคุณสามารถหาซื้อได้ในราคาถูก ก็เป็นอีกรุ่นที่เราแนะนำเช่นกัน
หากคุณหาซื้อ JBL T110 ไม่ได้ เราคิดว่าคุณอาจลงทุนอัพเกรดเป็นรุ่น T210 ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกัน แต่มีคุณภาพเสียงที่ดีกว่าโดยเฉพาะเสียงเบส เหตุผลที่เราเลือกแนะนำ T110 เป็นเพราะเราคิดว่าด้วยราคาและลักษณะการใช้งาน มันน่าจะตอบโจทย์คนส่วนมากได้ดีกว่า
แต่หากราคาไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณ หูฟัง JBL T210 ราคา 990 บาท นั้นก็ถือเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่า T110
หูฟังของ JBL ที่ออกแบบมาสำหรับการออกกำลังกายรุ่นนี้มีดีไซน์ที่สวยงาม สามารถกันเหงื่อได้ และสามารถใส่ได้สองแบบเพื่อเพิ่มความกระชับขณะเคลื่อนที่
แต่เราคิดว่าคุณภาพเสียงนั้นยังใกล้เคียงกับ T110 ประกอบกับขนาดที่ใหญ่กว่ามันจึงเหมาะสำหรับใส่ออกกำลังกายมากกว่าใช้งานทั่วไป
หนึ่งในหูฟังราคา เสียง นอกจากนี้ยังไม่มีไมโครโฟนในตัว จึงทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายว่าทั้งสองรุ่นที่เราแนะนำนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
หูฟังราคาไม่เกิน 500 บาท
มีหูฟังในช่วงราคา 100-300 บาทอีกหลายยี่ห้อที่เราทดสอบ แต่ยังไม่มีรุ่นไหนที่คุณภาพของเสียงและวัสดุที่ทำให้เราเชื่อว่ามันดีพอจะแนะนำในรีวิวนี้ เราคิดว่าคุณควรเลือกซื้อยี่ห้อที่ได้มาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปมากกว่าจะเสียเงินซื้อรุ่นที่ถูกกว่าในราคา 100-300 บาท แต่มีอายุการใช้งานที่สั้น
ตัวเลือกที่เราแนะนำ
เพิ่มเราเป็นเพื่อน คลิกที่นี่
แนะนำดีลที่คุ้มที่สุด แจ้งเตือนเดือนละครั้ง