วิธีเลือกซื้อกระเป๋าสะพาย กระเป๋าเป้แบบไหนดี

ปัจจุบันมีกระเป๋าเป้หลากหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปร่าง ลักษณะการใช้งาน วัสดุ หรือราคา แต่สิ่งสำคัญที่สุดขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้เป็นหลักว่าต้องการใช้งานในรูปแบบใด โดยสิ่งที่ควรพิจารณาสำหรับ วิธีเลือกกระเป๋าเป้ มีดังนี้

จุดประสงค์ ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณในการเลือกซื้อกระเป๋าเป้สักใบของคุณนั้นเพื่อจุดประสงค์อะไร ต้องการใช้งานแบบไหน เช่น ใช้สำหรับเดินป่า เดินทาง ใส่หนังสือเรียน ใส่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเพื่อความเข้ากันกับการแต่งตัวในชีวิตประจำวัน เป็นต้น

ราคาเท่าไหร่? ราคาเป็นปัจจัยหลัก ๆ รองลงมาจากจุดประสงค์ในการเลือกซื้อกระเป๋าเป้ เนื่องจากราคาจะช่วยตีกรอบใหญ่ ๆ ให้กับตัวเลือกกระเป๋าให้แคบลงได้ แล้วจึงพิจารณาในข้อต่อไป

น้ำหนัก ความสำคัญของน้ำหนักกระเป๋าขึ้นอยู่กับโครงสร้างและขนาดของกระเป๋าเป็นหลัก ซึ่งหากกระเป๋ามีลักษณะโครงสร้างและขนาดพอ ๆ กัน ควรจะเลือกน้ำหนักกระเป๋าที่เบากว่า เพราะการที่กระเป๋าหนัก นั่นหมายถึงว่าคุณต้องแบกน้ำหนักกระเป๋ารวมกับสัมภาระของคุณด้วยนั่นเอง

ความจุของกระเป๋าเป้ ข้อนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนสัมภาระที่คุณต้องการเก็บในกระเป๋าเป้ว่ามีขนาดใหญ่เล็ก หรือมากน้อย เพียงใด หรือแม้แต่ระยะเวลาในการเดินทาง เพื่อคำนวณปริมาณสัมภาระของคุณ หากคุณมีสัมภาระไม่มาก คุณก็ไม่จำเป็นต้องเลือกซื้อกระเป๋าขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะมีราคาแพงกว่ากระเป๋าเป้ใบที่เล็กกว่า

วิธีเลือกกระเป๋าเป้ : ขนาดของกระเป๋ากับระยะเวลาการเดินทาง

3-5 วัน เหมาะกับเป้ขนาด 30-40 ลิตร

5-7 วัน เหมาะกับเป้ขนาด 45-50 ลิตร

8-14 วัน เหมาะกับเป้ขนาด 55-60 ลิตร

14 วันขึ้นไป เหมาะกับเป้ขนาด 65-75 ลิตร



กระเป๋าเป้กันน้ำหรือไม่ กระเป๋าเป้ทีดีควรมีคุณสมบัติในข้อนี้ เพราะคุณไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อไหร่ ฝนอาจจะตกลงมาทั้ง ๆ ที่พยากรณ์อากาศระบุว่าท้องฟ้าแจ่มใสและสร้างความเสียให้กับสัมภาระของคุณ ยิ่งถ้าสัมภาระของคุณเป็นเสื้อผ้าสำหรับการเดินทางทั้งทริป

คงไม่ดีแน่ถ้าคุณจะต้องใส่เสื้อผ้าเหม็นอับตลอดการเดินทาง หรือแม้แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อาจเสียได้เพราะโดนน้ำ แต่การป้องการน้ำอาจไม่สามารถป้องกันได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากน้ำยังสามารถไหลซึมเข้ามาตามแนวซิปได้ ทางที่ดีที่สุดควรเก็บสัมภาระที่โดนน้ำไม่ได้ไว้ในถุงซิปอีกชั้นหนึ่งเพื่อความปลอดภัย

จำนวนช่องใส่ของ กระเป๋าเป้ที่ดีควรมีจำนวนช่องใส่ของที่มากพอสำหรับการจัดแบ่งหมวดหมู่สัมภาระ เพื่อความสะดวกในการเลือกใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่คุณต้องการหยิบของบางอย่างที่ใช้งานบ่อย คุณไม่ก็จำเป็นต้องเสียเวลาในการค้นหาสิ่งของอย่างสะเปะสะปะ เพราะหมวดหมู่ได้ถูกจัดไว้อย่างดีแล้ว

โครงสร้างกระเป๋าเป้ กระเป๋าเป้ที่มีโครงสามารถรับน้ำหนักสัมภาระได้ดีกว่ากระเป๋าเป้ที่ไม่มีโครง แต่ก็มาพร้อมด้วยน้ำหนักกระเป๋าที่เพิ่มขึ้น การเลือกระหว่างกระเป๋าเป้ที่มีโครงหรือไม่มีโครงขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของคุณเองว่าการใช้งานของคุณเป็นอย่างไร ต้องการใส่สัมภาระแบบใด น้ำหนักเท่าไหร่ เพราะกระเป๋าเป้แต่ละใบรับน้ำหนักของสัมภาระได้ไม่เท่ากัน

วิธีเลือกกระเป๋าเป้ กันน้ำ

แผ่นรองหลังและการระบายอากาศ แผ่นซับพอร์ตหลังมีส่วนสำคัญในการลดอาการปวดหลัง เพราะแทนที่หลังของคุณจะต้องรับน้ำหนักอย่างเต็มพิกัด การมีแผ่นซับพอร์ตหลังก็จะช่วยทำให้คุณรู้สึกว่ากระเป๋าเบามากขึ้นและไม่ปวดหลังมากที่ควรจะเป็น กระจายน้ำหนัก นักเดินทางหลายคนกล่าวไว้ว่ากระเป๋าเป้ที่ดีควรมีการระบายอากาศและซับพอร์ตหลังได้ดี เพราะจะทำให้เหงื่อไม่อับชื้นและไม่เมื่อยจากการแบกสัมภาระระหว่างการเดินทางมากจนหมดสนุก

สายรัดเอว น้ำหนักของกระเป๋าส่วนใหญ่จะถ่ายลงไปบริเวณสะโพก ทำให้สะโพกต้องรับน้ำหนักหนักทั้งหมดของกระเป๋าเอาไว้ ดังนั้น สายรัดเอวจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดภาระของสะโพกด้วยการกระจายไม่ให้แบกน้ำหนักมากจนเกินไป พร้อมทั้งลดอาการปวดบ่าให้น้อยลงได้

สายรัดหน้าอก เหมาะสำหรับกระเป๋าเป้ใบใหญ่และมีน้ำหนักมาก เพื่อสร้างความสมดุลของน้ำหนักกระเป๋าระหว่างการเดินและลดการโคลงไปโคลงมา ป้องกันอุบัติเหตุจากการเสียสมดุลได้

ช่องใส่ขวดน้ำ การมีช่องสำหรับใส่ขวดแยกก็นับเป็นอีกคุณสมบัติที่ควรพิจารณาเพื่อป้องกันการไหลซึมออกไปของน้ำและทำให้สัมภาระเสียหาย การใส่ขวดขวดไว้ในช่องสำหรับใส่ขวดน้ำโดยเฉพาะจึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า อีกทั้งยังง่ายต่อการหยิบน้ำดื่มระหว่างเดินทาง