หูฟังบลูทูธ สำหรับออกกําลังกาย ยี่ห้อไหนดี

จากการทดสอบและเปรียบเทียบข้อมูลจากเว็บไซต์รีวิวสินค้าที่เชื่อถือได้ในต่างประเทศเพื่อเปรียบเทียบหูฟังไร้สายสำหรับออกกำลังกาย หลายยี่ห้อ เราเชื่อว่า หูฟังบลูทูธ Anker SoundBuds Slim เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่

ในความเห็นของเรา SoundBuds Slim สามารถตอบโจทย์ในได้ดีทั้งในด้านความกระชับเมื่อสวมใส่ ความทนทานต่อน้ำและเหงื่อ คุณภาพเสียง และอายุแบตเตอรี่ ในราคาต่ำกว่า 1,500 บาท

อย่างไรก็ตาม หากงบประมาณไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณ เราคิดว่า Jabra Elite Active 65t เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด โดยนอกจากจะเป็นรุ่นที่เว็บไซต์ในต่างประเทศหลายแห่งยกให้เป็นหูฟังไร้สายที่ดีที่สุดสำหรับการออกกำลังกายแล้ว ยังเป็นรุ่นที่ราคาในไทยไม่ต่างจากราคาดั้งเดิมมากนัก

ถึงแม้เราคิดว่าราคาเกือบ 7 พันบาท นั้นสูงเกินไปกว่าความจำเป็นของคนส่วนใหญ่ เรามองว่าสิ่งที่ได้จาก Elite Active 65t ที่เป็นหูฟังแบบ truly wireless ถือว่าคุ้มค่ากว่ารุ่นที่มีราคาไล่เลี่ยกัน  ด้วยฟังก์ชั่นเสริมอีกหลายอย่างที่มีประโยชน์ต่อทั้งการใช้งานทั่วไปและระหว่างออกกำลังกาย (อ่านต่อด้านล่าง)


สารบัญ

  • ข้อควรพิจารณาในการซื้อหูฟังสำหรับออกกำลังกาย
  • ทำไมเราถึงแนะนำ Anker SoundBuds Slim
  • รุ่นอัพเกรด หูฟังบลูทูธ Jabra Elite Active 65t
  • ตัวเลือกอื่น ๆ

การเลือกซื้อหูฟังสำหรับออกกำลังกาย

ทีมงานรุ่นไหนดีเชื่อว่า คนส่วนใหญ่น่าจะใช้ชีวิตได้สะดวกกว่า หากมีหูฟังไร้สายที่มีคุณภาพ 1 ชุดไว้ใช้งานอย่างหลากหลาย แทนที่จะต้องสลับใช้หูฟังหลายคู่ เพราะนั่นหมายถึงการพกอุปกรณ์หลายอย่างและความปวดหัวของการชาร์จแบตเตอรี่

ดังนั้น หากคุณออกกำลังกายสัปดาห์ละ 2-3 วันหรือน้อยกว่านั้น เราคิดว่าหูฟังที่คุณเลือกใช้ควรจะสามารถใช้กับการออกกำลังกายได้อย่างดี และยังมีคุณภาพเสียงและดีไซน์ที่เหมาะกับการใช้งานตามปกติด้วย

สิ่งแรกที่คุณควรพิจารณาก่อนซื้อหูฟังไร้สายสำหรับการออกกำลังกายรุ่นไหนก็ตาม คือ ความทนทานต่อน้ำและเหงื่อ เพราะหูฟังบลูทูธโดยทั่วไป ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการใช้งานเช่นนี้ และจะทำให้มันชำรุดได้ง่ายและรวดเร็ว

นอกจากนี้ คุณควรคำนึงถึงความสบายในการสวมใส่ ที่เราถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในการเลือกซื้อหูฟัง โดยเฉพาะสำหรับการออกกำลังกาย ซึ่งหูฟังที่ดีควรจะกระชับเข้ากับใบหู ไม่หลุดง่าย ไม่มีสายยาวเกะกะหรือกระเด้งฟาดผู้สวมใส่ และที่สำคัญต้องไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ


รีวิวแนะนำ


ตามมาด้วยความสะดวกในการใช้ง่าย เช่น การปรับระดับเสียง การเปลี่ยนเพลง ซึ่งหูฟังสำหรับการออกกำลังกายที่ดี ควรจะช่วยให้คุณควบคุมการใช้งานเหล่านี้ได้โดยง่ายและสามารถทำกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง

แน่นอนว่าคุณภาพของเสียงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของหูฟัง แต่คนที่วางแผนจะใส่ระหว่างการออกกำลังกายเป็นหลัก คุณอาจให้ความสำคัญกับคุณภาพของเสียงน้อยลงกว่าการใช้งานทั่วไป เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักไม่ได้โฟกัสกับคุณภาพของเสียงมากนักระหว่างออกกำลังกาย

ราคา เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เราคิดว่าควรจะถูกเปรียบเทียบยกับฟังก์ชั่นที่ได้ ขณะเดียวกันมันก็ไม่ควรมีราคาสูงเกินไปกว่าที่คนส่วนใหญ่ควรจะเสียเงินไปกับสิ่งนี้ และสามารถทำให้คุณใช้งานได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าจะสูญหาย เช่นเดียวกับ การรับประกัน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้หูฟังของตัวเองมีปัญหา แต่หากมีอะไรเกิดขึ้น เราคิดว่าหูฟังยี่ห้อที่ดีควรจะรับประกันสินค้าอย่างน้อย 1 ปี

ปัญหาของหูฟังบลูทูธไร้สายที่วางขายในไทยส่วนใหญ่คือราคาที่สูงกว่าราคาดั้งเดิมในต่างประเทศมาก นั่นทำให้เราคิดว่าสิ่งที่เราได้รับจากหูฟังในช่วงราคา 3,000-6000 บาท นั้นยังไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร และส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพวกมันคือหูฟังในช่างราคา $60-100 หรือ 2,000-3,000 บาท ในต่างประเทศ อย่างเช่น Jaybird Freedom 2 ที่ต่างประเทศราคาอยู่ที่ราว $99 แต่ในไทยมีราคาสูงถึง 5,990 บาท)


หูฟังบลูทูธ Anker SoundBuds Slim

หูฟังบลูทูธ Anker Soundbuds Slim

จากการศึกษาข้อมูลและทดสอบการใช้งานจริง เราเชื่อว่า Anker Soundbuds Slim เป็นหูฟังไร้สายที่คุ้มค่ากับราคาที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ที่รักการออกกำลังกาย เพราะมันสามารถตอบโจทย์ที่จำเป็นได้อย่างดี ทั้งในด้านการสวมใส่ ความคงทนต่อเหงื่อและน้ำ คุณภาพของเสียง การออกแบบที่เรียบง่าย ในราคาที่สมเหตุสมผล

หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อยี่ห้อ Anker ในฐานะแบรนด์ผู้ผลิตสายชาร์จและ power bank แต่หูฟังไร้สายของแบรนด์นี้หลายรุ่นได้รับคำชมจากเว็บไซต์ในต่างประเทศ เช่น Trusted Reviews และ CNET มาโดยตลอด

จากการทดสอบของเรา เราพบว่า SoundBuds Slim ซึ่งมีไดรฟ์เวอร์ขนาด 6 มิลลิเมตร ให้คุณภาพเสียงในระดับที่ดี ถึงแม้จะมีความแหลมที่ปลายเสียงสูงอยู่บ้าง แต่โดยรวมทีมงานของเรารู้สึกว่ามันไม่รู้ว่ามันมากจนเกินไป และรู้สึกพอใจกับคุณภาพเสียงโดยรวม

หูฟังบลูทูธ สำหรับออกกำลังกาย

ในด้านความคงทนต่อเหงื่อ ฝน และน้ำที่กระเด็น SoundBuds Slim ของ Anker มาพร้อมกับมาตรฐาน IPX4 ที่แปลว่าสามารถกันน้ำสาดจากทิศทางต่าง ๆ ได้ ซึ่งนับว่าต่ำกว่าหูฟังส่วนใหญ่ในช่วงราคา 3-5 พันบาท ที่มีความทนทานมาตรฐาน IPX56 แต่ในการใช้งานจริงเราเชื่อว่ามันเพียงพอสำหรับการออกกำลังกายในยิมของคนส่วนใหญ่ นอกจากนี้หนึ่งในทีมงานของเราใช้หูฟังรุ่นนี้มานานกว่า 1 ปีในการออกกำลังกายและระหว่างเดินทาง ซึ่งยังสามารถใช้งานได้อย่างปกติ

Soundbuds Slim มาพร้อมกับปีกหูฟัง 2 ขนาด และยางที่ปลายหูฟังอีก 4 ขนาดให้คุณเลือกใช้ ซึ่งจากการทดลองใช้เราสามารถปรับขนาดให้กระชับกับใบหูและรู้สึกสบาย ระหว่างการเคลื่อนตัวได้ดี ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะน้ำหนักของหูฟังที่เบาเพียง 15 กรัม ทำให้เราไม่รู้สึกถึงแรงถ่วงจากหูฟังมากเกินไป

หูฟังบลูทูธไร้สาย

ด้วยราคาในไทยประมาณ 1,500 บาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าในต่างประเทศอยู่เล็กน้อย โดยตัวแทนจำหน่ายในไทยยังมีประกันให้ 1-2 ปี ซึ่งทำให้คุณสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะบุบสลายจนเกินไป

เรายังรู้สึกชื่นชอบดีไซน์ที่เรียบง่าย ไม่ดูสปอร์ตจนเกินไป ทำให้มันน่าจะเป็นหูฟังที่คนส่วนใหญ่สามารถใช้ฟังเพลง หรือรับสายโทรศัพท์ในชีวิตประจำวันได้เช่นกัน ที่ด้านหลังของตัวหูฟังยังเป็นแม่เหล็กที่ดูดหูฟังทั้งสองข้างไว้ด้วยกันเวลาม้วนเก็บ หรือห้อยไว้ที่คอ ซึ่งช่วยให้มันไม่หล่นหายได้ง่าย

ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 110 mAh ที่ใช้งานได้นานประมาณ 7 ชั่วโมง ทำให้คุณต้องชาร์จด้วยสาย Micro USB ใหม่ทุก 2-3 วันในการใช้งานจริง โดยใช้เวลาชาร์จครั้งละ 1.5 ชั่วโมง ซึ่งถึงแม้จะถือถือว่าทำได้ไม่ต่างจากหูฟังรุ่นที่แพงกว่าหลาย ๆ รุ่น แต่ทีมงานหลายคนมองว่ามันจะดีกว่านี้มากหากแบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่านี้

ข้อเสียที่เราคิดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะรับได้

ข้อเสียอย่างหนึ่งของเสียงมาตรฐานที่มาพร้อมกับหูฟังอาจถือว่าใสและแหลมเกินไปสำหรับความชอบบางคน ซึ่ง SoundBuds Slim นั้นไม่สามารถ ปรับ EQ ได้แบบบางรุ่น

อีกข้อหนึ่งคือสายของหูฟังที่เรารู้สึกว่ายาวเกินไป แถมยังเป็นรอยย่นได้ง่ายหลังถูกม้วนในกล่องมาเป็นเวลานาน และเราเชื่อ่ามันจะดีกว่านี้หากความยาวนั้นสั้นลงประมาณ 1-2 นิ้ว อย่างไรก็ตาม ระหว่างการออกกำลังกายคุณสามารถใช้คลิปที่แถมมาให้ในการปรับความยาวของสายให้กระชับขึ้น เพื่อไม่ให้มันแกว่งไปมาระหว่างขยับตัว

SounBuds Slim ยังใช้เทคโนโลยี Bluetooth 4.1 ซึ่งมีระยะใช้งานและความเร็วช้ากว่า Bluetooth 5.0 ในหูฟังรุ่นที่ใหม่กว่าและแพงกว่า ซึ่งจะทำให้สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับหูฟังได้พร้อมกันสองคู่ แต่ในการฟังเพลงขณะออกกำลังกาย เราคิดว่าความแตกต่างข้อนี้ยังไม่ถึงกับเป็นเรื่องที่ชัดเจนหรือสำคัญนั้น


รุ่นอัพเกรด: หูฟังบลูทูธ Jabra Elite Active 65t

หูฟังบลูทูธ สำหรับออกกำลังกาย

หากงบประมาณไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณ คุณอาจเลือกอัพเกรดเป็นหูฟัง Jabra Elite Active 65t ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายแบบ truly wireless ที่นอกจากจะตอบโจทย์ทุกข้อในใช้งานเพื่อการออกกำลังกายได้อย่างดีแล้ว ยังมีฟังก์ชั่นเสริมอีกหลายอย่างที่ช่วยให้ชีวิตของคุณสะดวกขึ้น

ข้อดีอย่างแรกของหูฟังไร้สายแบบ truly wireless โดยธรรมชาติ คือ ความคล่องตัวที่เหนือกว่าหูฟังไร้สายปกติ เพราะไม่มีสายใด ๆ มาคอยรบกวนในการเคลื่อนร่างกายแต่ละครั้ง รวมถึงไม่ต้องเสียเวลาแก้สายที่พันกัน

สำหรับความทนทานต่อน้ำและฝุ่นละอองในระดับ IP56 นักเขียนจากเว็บไซต์ The Wirecutter ได้ลองนำมันไปทดสอบปะทะฝุ่นและน้ำ ทั้งในสถานการณ์จริงและสภาวะจำลองจำลอง ซึ่งมันสามารถทำงานได้อย่างปกติ รวมถึงการกดปุ่มต่าง ๆ แต่ถึงอย่างไร Jabra ก็แนะนำว่าควรผึ่งให้หูฟังแห้งเสียก่อนที่จะชาร์จไฟหรือเก็บในกล่อง

นอกจากนี้ สำหรับคนที่ชอบวิ่งแบบ outdoor จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Active 65t รุ่นนี้ คือคุณสามารถปรับระดับของเสียงรอบข้างได้ตามความต้องการเพียงการแตะที่หูฟังสองครั้ง เพื่อสลับระหว่างการได้ยินกับบล็อกเสียงภายนอกตามปกติ นั่นทำให้มันเหมาะกับทั้งการวิ่ง outdoor ที่คุณจำเป็นต้องได้ยินเสียงภายนอกเพื่อความปลอดภัย และการออกกำลังกายในยอมที่คุณต้องการโฟกัสด้วยการตัดเสียงรบกวน

ในด้านความสบายและกระชับในการสวมใส่ ซึ่งมีขนาดยางของส่วนปลายหูฟัง 3 ขนาดให้เลือกใช้ นักรีวิวจากเว็บไซต์ในต่างประเทศ กล่าวว่ามันให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับความรู้สึกไม่ใส่หูฟังที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ขณะที่รีวิวของ Gizmodo ยกให้มันเป็น หูฟังแบบ truly wireless ที่ดีที่สุด

หูฟังบลูทูธ Jabra

คุณภาพของเสียง เป็นอีกข้อหนึ่งที่เว็บไซต์ในไทยและต่างประเทศหลายแห่ง รวมทั้ง Pantip Gizmodo และ PC Mag เห็นตรงกันว่าทำได้ดี โดยมีความใสในโทนเสียงกลางและเก็บความละเอียดในโทนสูงได้ดี แต่อาจจะมีเสียงเบสทุ้มที่ฟังดูลอย ๆ ไปบ้าง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมผ่าน EQ ที่มากับแอปของ Jabra ซึ่งเมื่อปรับแล้วการตั้งค่านั้นก็จะติดกับหูฟังไปด้วยไม่ว่าจะนำไปใช่กับเครื่องไหน

บางคนอาจรู้สึกว่าเสียงนั้นค่อนข้างแฟลต เมื่อเทียบกับหูฟังไร้สายในราคาใกล้เคียงกันอย่าง Bose Sport? หรือแม้แต่ Jaybird Run แต่ Jabra Active 65t รุ่นนี้มาพร้อมกับแอปที่สามารถปรับเสียงเพิ่มเติมได้ และเมื่อปรับแล้วการตั้งค่านั้นจะติดกับหูฟังไปด้วย ไม่ว่าจะนำไปใช้กับ pair กับโทรศัพท์เครื่องไหนหรือใช้กับแอปไหนก็ตาม

ถึงแม้เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียงเป็นอันดับหนึ่งเมื่อออกกำลังกาย แต่หากคุณจะลงทุนซื้อหูฟังในราคามากกว่า 5 พันบาท เราคิดว่าคุณควรจะได้หูฟังที่มีเสียงคุณภาพดี และตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายกว่าการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว

นั่นทำให้เราเชื่อว่าหูฟังสำหรับออกกำลังกายโดยเฉพาะหลายรุ่น เช่น บีทส์สาม เจย์รัน พลาโทรนิคส์ และ เทรคส์ เป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์สำหรับการออกกำลังกายอย่างมาก แต่เรากลับรู้สึกว่ามันเป็นการลงทุนที่เฉพาะทางเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่ (อ่านเกี่ยวรุ่นเหล่านี้ด้านล่าง)

ในราคาราว 7,990 บาท Elite Active 65t ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นเสริมอย่างเช่น การเปิดใช้งานอัตโนมัติเมื่อนำออกจากเคส การหยุดเพลงอัตโนมัติเมื่อนำออกจากหู ไปจนถึงการวัดจำนวนก้าวที่เดิน ซึ่งถึงแม้เราจะคิดว่าอาจไม่จำเป็นสำหรับทุกคน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เลยที่จะได้ใช้ฟังก์ชั่นเหล่านี้มาเพิ่มความสะดวกในราคาที่จ่ายไป

นอกจากจะรองรับ Bluetooth 5.0 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่าแล้ว Jabra 65t ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ถึง 5 ชั่วโมง และชาร์จเพิ่มได้อีก 10 ชั่วโมงจากกล่องเก็บหูฟัง ซึ่งถือว่าทำได้ดีกว่าหูฟังแบบ truly wireless ส่วนใหญ่และเป็นอีกจุดเด่นที่สำคัญ ทั้งกับคนที่ชอบลืมชาร์จแบตเตอรี่และคนที่ออกกำลังกายครั้งละนาน ๆ เช่นการซ้อมวิ่งมาราธอน ซึ่งจะสามารถช่วยลดความกังวลเรื่องแบตเตอรี่ไปได้

นอกจากนี้ หูฟังของ Jabra รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับการรับประกัน 2 ปี ซึ่งเราคิดว่าเหมาะสมหรับหูฟังในราคาสูงเท่านี้ และเป็นส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เราเลือกแนะนำรุ่นนี้เหนือหูฟังราคาแพงรุ่นอื่นหลายรุ่นที่รับประกันแค่ 1 ปี


ตัวเลือกอื่น ๆ

Apple AirPods
หลายคนมีปัญหาในการใช้ Airpod หลุดจากหูระหว่างการออกกำลังกาย แต่ในการทดสอบโดยทีมงานของเรา เราพบว่ามันสามารถใช้งานได้ในการวิ่งบนสายพาน รวมถึงการปั่นจักรยานตามปกติ แต่ด้วยความกระชับที่น้อยกว่าหูฟังไร้สายรุ่นอื่น ๆ ที่เราทดสอบ มันส่งผลให้เรารู้สึกต้องคอยระมัดระวังว่า Airpod อาจจะหลุดและหล่นหายได้

ด้วยฟังก์ชั่นที่ต้องใช้านด้วยการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและ Siri ในการควบคุม เราคิดว่าหากคุณมี Airpod อยู่แล้ว คุณอาจนำไปทดสอบใช้งานดูก่อนว่าเหมาะกับคุณไหม แต่หากคุณกำลังเลือกซื้อหูฟังไร้สายคู่ใหม่เพื่อการออกกำลังกาย ทั้งสองรุ่นที่เราแนะนำน่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า

Beats Powerbeats 3
นักเขียนประจำเว็บไซต์รีวิวหลายแห่งในต่างประเทศเลือกแนะนำหูฟังรุ่นนี้ โดยเฉพาะนด้านอายุของแบตเตอรี่ที่นานถึง 12 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แต่อีกหลายคนกล่าวถึงความลำบากในการสวมใส่ โดยเฉพาะการปรับตัวเกี่ยวหูฟังให้กระชับสำหรับการออกกำลังกาย รวมถึงเสียงที่ค่อนข้างแบนและราคาที่ค่อนข้างสูง

Bose Soundsports Free
หูฟังบลูทูธแบบ truly wireless ของ Bose รุ่นนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่สูสีกับ Jabra Active Elite 65t ที่เราแนะนำมากที่สุด โดยเฉพาะในด้านแบตเตอรี่ ดีไซน์ คุณภาพเสียงซึ่งทีมงานของเราหลายคนชอบในคุณภาพเสียงกว่ารุ่นที่เราแนะนำ แต่ด้วยราคาที่สูงกว่าเกือบเท่าตัว การควบคุมการใช้งานและฟังก์ชั่นเสริมที่ยังน้อยกว่า Elite 65t (ประกอบกับการรับประกันแค่ 1 ปี) ทำให้ทีมงานเลือกที่จะไม่แนะนำรุ่นนี้สำหรับคนส่วนใหญ่

Jaybird X3
หนึ่งในหูฟังที่หลายเว็บไซต์ในต่างประเทศเคยยกให้เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับการออกกำลังกายโดยเฉพาะในช่วงปี 2017 ด้วยคุณภาพเสียง อายุของแบตเตอรี่ (ถึงแม้จะมีผู้แสดงความเห็นจำนวนไม่น้อยกล่าวว่ามันชำรุดง่าย) แต่หูฟังรุ่นนี้ของ Jaybird เปิดตัวมานานกว่า 2 ปีแล้ว ประกอบกับราคาที่ค่อนข้างสูงในไทย และเราคิดว่า หากคุณสนใจรุ่นนี้ ควรอดทนรออ่านรีวิวของรุ่นใหม่ของ Jaybird อย่าง Jabird Tarah

Jaybird Run
หูฟังแบบ truly wireless ของ Jaybird รุ่นนี้ ได้รับคำชมจากหลายเว็บไซต์ในแง่ความสะดวกในการใช้งาน ความกระชับในการสวมใส่ และความสเถียรในการ pair กับอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่ในทางกลับกันก็มีหลายคนพูดถึง คือการควบคุมที่คุณสามารถเลือกได้ระหว่างการกดเพิ่มและลดเสียง หรือการเรียกใช้งาน Siri กับหยุดเพลงเท่านั้น นอกจากนี้แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ 4 ชั่วโมง และชาร์จเพิ่มในกล่องได้ 8 ชั่วโมง ซึ่งน้อยกว่ารุ่นที่เราแนะนำอยู่ 20% ทำให้เราเลือกแนะนำ Jabra Active Elite 65t แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Jaybird Run ก็ถือตัวเลือกที่ดีเช่นกัน