หากคุณกำลังอ่านบทความนี้ นั่นน่าจะหมายความว่าคุณกำลังตัดสินใจซื้อเครื่อง CPAP เพื่อช่วยรักษาอาการหยุดหายใจระหว่างนอนหลับ หรือ Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA
ทีมงานรุ่นไหนดี รวบรวมข้อมูลจากเว็บบอร์ดทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น Apnea Board, Sleep Foundation และ Pantip รวมถึงสอบถามข้อมูลจากผู้ใช้จริง เพื่อแนะนำหลักการเลือกซื้อเครื่อง CPAP ที่ใช้งานได้ดีและคุ้มค่าที่สุดสำหรับคุณ
ทั้งนี้ ทีมงานของเราเพียงรวบรวมข้อมูลเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อเท่านั้น ไม่ควรใช้เนื้อหาของบทความนี้อ้างอิงเพื่อการรักษา และเราแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้งานเพื่อความปลอดภัยของท่าน
สารบัญ
- ซื้อเครื่อง CPAP ดีไหม
- เครื่อง CPAP ยี่ห้อไหนดี
- ซื้อเครื่อง CPAP ที่ไหนดี
- ทำการบ้าน หาข้อมูลก่อนซื้อ
- วิธีเช็คเครื่องก่อนใช้
- หน้ากาก CPAP
- เครื่อง CPAP รุ่นไหนดี
- การเบิกประกันสังคม
1. ซื้อเครื่อง CPAP ดีไหม
เครื่อง CPAP เป็นเครื่องช่วยหายใจประเภทหนึ่ง ซึ่งแพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยใช้เพื่อรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจระหว่างนอนหลับ
คำว่า CPAP นั้นย่อมาจาก Continuous Positive Airway Pressure ซึ่งหมายถึง การสร้างแรงดันบวกในช่องทางเดินหายใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดการปิดกลั้นขณะนอนหลับที่ทำให้เกิดการหยุดหายใจ
อ่านเพิ่มเติมเรื่องเครื่อง CPAP คืออะไร
เครื่อง CPAP นั้นมีราคาค่อนข้างสูง แต่หากคุณเป็นผู้ที่มีอาการ Sleep Apnea และได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์อย่างแน่นอนแล้ว การลงทุนซื้อเครื่อง CPAP นั้น สามารถช่วยให้คุณภาพการนอนหลับ สุขภาพ และการใช้ชีวิตประจำวันของคุณดีขึ้นได้อย่างเห็นผลเราแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้งานเพื่อความปลอดภัยของท่าน
บางคนอาจเห็นผลได้ทันทีที่เริ่มใช้ ขณะที่หลายคนอาจต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง ผลการศึกษาทางการแพทย์จำนวนมากได้ยืนยันแล้วว่า เครื่อง CPAP สามารถลดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับได้จริง และช่วยให้สุขภาพของผู้ป่วยดีขึ้น
นอกจากเครื่อง CPAP จะเพิ่มแรงดันบวกเพื่อเปิดทางเดินหายใจและลดการหยุดหายใจระหว่างนอนหลับแล้ว มันยังทำหน้าที่อื่นๆ ที่สำคัญ โดยเฉพาะการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการนอนหลับของคุณในแต่ละคืน ซึ่งเราสามารถอ่านข้อมูลจาก SD Card ได้ด้วยตัวเองผ่านโปรแกรมที่มีชื่อว่า OSCAR (Open Source CPAP Analysis Reporter) บนคอมพิวเตอร์ เพื่อเปรียบเทียบกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม น้ำหนักตัว หรือการรักษา เป็นต้น
การเก็บข้อมูลโดยละเอียดนั้นสำคัญที่จะช่วยให้คุณทราบถึงอาการและแนวโน้มที่ดีขึ้นหรือแย่ลงจากการรักษาหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ขณะที่เครื่อง CPAP บางรุ่นสามารถบันทึกได้เพียงแค่จำนวนชั่วโมงที่ใช้งาน แต่ถึงกระนั้น เครื่อง CPAP ที่บันทึกข้อมูลได้น้อยก็ยังสามารถช่วยผู้ป่วยที่มีอาการ Sleep Apnea ได้เช่นกัน
2. เครื่อง CPAP ยี่ห้อไหนดี
ปัจจุบันมี เครื่อง CPAP ในท้องตลาดมีมากมายหลายยี่ห้อ แต่เจ้าใหญ่ที่ครองตลาดทั่วโลกนั้น ได้แก่ ResMed และ Philips Respironics ซึ่งเครื่อง CPAP ของทั้งสองยี่ห้อนั้นมีผ้ใช้งานจำนวนมากและได้รับการยอมรับในคุณภาพ เว้นแต่เฉพาะบางรุ่นที่ใช้งานได้ไม่ดีนัก
นอกจากนี้ เราแนะนำว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเหมาะกับการใช้งานเครื่องที่มีระบบปรับแรงดันอัตโนมัติ เช่น ReseMed กลุ่ม Autoset ซึ่งใช้งานได้สะดวกและได้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับคนส่วนใหญ่ ที่ไม่ได้เชี่ยวชาญในการตั้งค่าเครื่องเป็นประจำ
เมื่อเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ ทั้ง Resmed และ Philips ดูจะมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่า และด้วยฐานลูกค้าขนาดใหญ่ มันช่วยให้คุณหาอะไหล่และข้อมูลตามโลกออนไลน์ เช่น บนเว็บไซต์ CPAP หรือ pantip ได้ง่ายกว่ายี่ห้ออื่นๆ
สำหรับรุ่นที่หาซื้อได้ง่ายในไทยและได้รับความนิยม รวมถึงมีรีวิวที่ดีในต่างประเทศ ได้แก่ ResMed Airsense 10 Autoset และ AutoSet for Her ซึ่งหนึ่งในทีมงานของเรามีประสบการณ์ใช้งานจริง และพบว่าใช้ได้ดีไม่มีปัญหา และสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมในอินเทอร์เน็ตได้ง่าย
ทั้งนี้เครื่อง ResMed Airsense 10 AutoSet ยังมีรุ่น “For Her” ที่มาพร้อมกับโหมดสำหรับผู้หญิง ซึ่งผู้ผลิตระบุว่ามีอัลกอริธึ่มการทำงานที่เหมาะสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ แต่ผู้ชายก็สามารถเลือกใช้โหมดธรรมดาได้เช่นกัน ซึ่งนอกจากโหมด For Her เครื่องทั้งสองรุ่นนั้นเหมือนกันทุกประการ (แตกต่างกันที่หน้าตา และโหมดที่เพิ่มเข้ามาเสริม ในราคาเท่ากัน)
แต่หากคุณสนใจเครื่องจากค่าย Philips ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเดียวกันนี้ เครื่องรุ่นยอดนิยม ที่มีฟังก์ชั่นใกล้เคียงกันนั้น ได้แก่ DreamStation Auto CPAP ซึ่งสามารถปรับแรงดันได้อัตโนมัติ และสามารถเก็บข้อมูลเพื่อเช็คค่าต่างๆ ในการนอนหลับได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกหน้ากากที่ผู้ใช้งานหลายคนชอบมากกว่า Resmed
3. ซื้อเครื่อง CPAP ที่ไหนดี
โรงพยาบาลหลายแห่ง มีแพทย์ที่ร่วมงานกับบริษัทขายเครื่อง CPAP โดยตรง และเมื่อคุณไปทำ Sleep Test เรียบร้อย โดยหมออาจจะแนะนำบริษัทตัวแทนจำหน่าย หรือให้เซลส์ของแต่ละบริษัทติดต่อกับคนไข้โดยตรง
ข้อดีของตัวแทนจำหน่ายเหล่านี้ คือ คุณสามารถทดลองใช้เครื่องได้ฟรี 7-14 วัน เพื่อทดสอบว่าเมื่อใช้จริงแล้วช่วยลดภาวะหยุดหายใจได้หรือไม่ รวมถึงทดลองใช้หน้ากากหรือเครื่องหลายๆ รุ่น เพื่อให้ได้รุ่นที่พอใจที่สุด
สำหรับคนที่ต้องการซื้อเครื่องเอง เราแนะนำว่าควรซื้อจากร้านเชื่อถือได้ มีตัวตนจริง เพื่อให้แน่ใจว่าหากเครื่องเกิดปัญหา จะสามารถเคลมประกัน หรือขอความช่วยเหลือได้
โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยใช้เครื่องมาก่อน การสั่งซื้อเครื่องด้วยตัวเอง ควรจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดค่าต่างๆ และควรหลีกเลี่ยงการซื้อเครื่องมาใช้เอง รวมถึงเครื่องหิ้วที่ไม่มีตัวแทนจำหน่ายดูแล เพราะอาจเกิดปัญหาที่ตามมาได้หลายประการ
หากคุณตัดสินใจซื้อออนไลน์ เราแนะนำให้เลือกซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้ เช่น ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ResMed เป็นต้น และอย่าลืมติดต่อทางร้านโดยตรง เพื่อสอบถามข้อสงสัย รวมถึงขอคำแนะนำในการตั้งค่าเครื่องก่อนใช้งาน
4. ทำการบ้าน หาข้อมูลก่อนซื้อ
เราแนะนำว่าคุณควรหาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่อง CPAP ที่ต้องการ ก่อนเริ่มคุยกับบริษัทหรือเซลส์ขายเครื่อง และถ้าเป็นไปได้ควรเลือกรุ่นที่สนใจไว้ล่วงหน้าก่อน เพื่อที่เวลาติดต่อกับพนักงานขาย พนักงานจะได้รู้ว่าคุณมีความรู้เกี่ยวกับเครื่อง CPAP พอสมควรและไม่แนะนำแบบไม่มีหลักการ
นอกจากเปรียบเทียบ คุณสมบัติของเครื่องรุ่นต่างๆ แล้ว คุณควรเปรียบเทียบราคาและของแถมต่างๆ ซึ่งหลายบริษัทมักจะขายเครื่องพร้อมหน้ากากเป็นชุดแบบพร้อมใช้งาน ซึ่งมักจะคิดราคารวมไปแล้ว นอกจากนี้ ระยะเวลาที่รับประกันและบริการหลังการขายก็สำคัญมากเช่นเดียวกัน เพราะเครื่อง CPAP นั้นจำเป็นต้องตรวจเช็คและปรับเทียบ (calibrate) เป็นระยะ เพื่อประสิทธิภาพการใช้งาน
- วิธีเช็ค CeraVe ของแท้-ของปลอม ดูยังไง ซื้อที่ไหนมั่นใจได้ 100%
- Lazada ลดราคาช่วงไหน ปฏิทินโปรโมชั่นตลอดทั้งปี
- ซิมเทพ ดีไหม หาซื้อได้ที่ไหน AIS ทรู ดีแทค ค่ายไหนดี
5. วิธีเช็คเครื่องก่อนใช้
นอกจากสังเกตกล่องบรรจุที่ยังครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เครื่อง CPAP ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับฟังก์ชั่นบันทึกการใช้งาน ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูในส่วนที่เรียกว่า run hours ซึ่งจะบอกได้ว่าเครื่องนี้ถูกใช้งานมาแล้วกี่ชั่วโมง
ยกตัวอย่างเช่น เครื่องของ ResMed ให้กดที่ปุ่ม Home และปุ่มหมุนเมนูค้างไว้พร้อมกัน 5 วินาที เครื่องจะเข้าสู่ Clinical Menu จากนั้นเลือกไปที่ Settings > About > Run Hrs จะบอกชั่วโมงที่ใช้งานทั้งหมด
ถ้าหากเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเครื่องที่เราซื้อเป็นเครื่องใหม่ ไม่ใช่เครื่องมือสอง แต่กลับพบว่าเครื่องถูกใช้มาแล้วหลายชั่วโมง ควรแจ้งพนักงานขายให้ทราบและขอคำชี้แจงหรือเปลี่ยนเครื่องก่อนรับสินค้า
6. หน้ากาก CPAP
การเลือกหน้าหน้ากากที่ใส่ได้พอดี ไม่รั่วกลางดึก จะมีส่วนช่วยให้คุณสามารถใช้เครื่อง CPAP ได้ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
หน้ากากของ ResMed และ Philips นั้นสามารถใช้ด้วยกันได้ เว้นแต่บางรุ่นที่อาจต้องมีท่อต่อเสริมเข้ามา ทั้งนี้ เราแนะนำว่าระหว่างทดลองใช้งาน ควรลองใส่หน้ากาก หลายขนาด และหลายแบบให้มากที่สุด เพื่อเปรียบเทียบความฟิต ความสบายระหว่างสวมใส่ รวมถึงอัตราการรั่วของแต่ละรุ่น
ข้อแนะนำจากเว็บบอร์ดในต่างประเทศ คือ ให้คุณทดลองจากรุ่นที่เล็กที่สุดก่อน เช่น Nasal Mask หรือ Nasal Pillow เพราะจะใส่ได้สบายกว่า ไม่มีสายเกะกะตัว แต่หากพบว่าเกิดอาการรั่ว แม้จะใส่แน่นแล้ว ค่อยขยับไปลองรุ่นที่ใหญ่ขึ้น เช่น หน้ากาก Full Mask เป็นต้น โดย หน้ากากแต่ละรุ่นมักจะมาพร้อมกับส่วนซีลที่มีหลายขนาด เช่น Small Medium Medium-Wide (MW) Large ซึ่งจะมีคู่มือวัดขนาดแถมมาให้
จากที่ได้สอบถามผู้ใช้งานและข้อมูลจากรีวิวออนไลน์ เราคิดว่าสรีระจมูกของคนไทยส่วนใหญ่จะเหมาะกับขนาด Small – Medium และหน้ากากชนิดที่เรียกว่า Nasal Pillow นั้น ส่วนใหญ่อาจไม่เหมาะกับจมูกของคนเอเชียนัก
7. เครื่องรุ่นไหนดี
รายชื่อรุ่นของเครื่อง CPAP ที่ Apnea Board Wiki แนะนำในปี 2024 ชื่อรุ่นอาจแตกต่างจากที่ขายในไทย โดยสองยี่ห้อหลักนั้นได้แก่ ResMed และ Philips
เครื่อง CPAP ของ ResMed
- ResMed Airsense 11 Autoset
- Airsense 10 Autoset
- Airsense 10 AutoSet for Her
- Aircurve 10 S (Lumis 100 VPAP S)
- Aircurve 10 ST (Lumis 150 VPAP ST)
- Aircurve 10 ST-A (Lumis 150 VPAP ST-A)
- Aircurve 10 VAuto
- Aircurve 10 ASV (PaceWave CS)
เครื่อง CPAP ของ Philips
- DreamStation Auto (DSx500)
- DreamStation CPAP Pro (DSx400)
8. การเบิกประกันสังคม
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นมา สำนักงานประกันสังคม ได้กำหนดให้ผู้ประกันตนสามารถเบิกค่าใช้จ่ายสำหรับ โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ หรือ OSA ได้แล้ว ซึ่งถือเป็นข่าวดีเพราะเครื่อง CPAP นั้นมีราคาสูงมาก และเรียกได้ว่าเป็นภาระค่าใช้จ่ายสำหรับคนส่วนใหญ่ที่อาจทำให้ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้
ทั้งนี้ ผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วอย่างน้อย 3 เดือน โดยเงื่อนไขและวงเงินสำหรับการเบิกจ่ายมีรายละเอียดโดยสรุป ดังนี้
1. ค่าตรวจการนอนหลับ ชนิดที่ 1 จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 7,000 บาท และ ชนิดที่ 2 (แบบไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามขณะหลับ) จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 6,000 บาท
2. ค่าอุปกรณ์เครื่อง CPAP และอุปกรณ์เสริมสำหรับการรักษา ในอัตราที่สำนักงานที่กำหนด
เช่น เครื่อง CPAP ชุดละ 20,000 บาท หน้ากากสำหรับเครื่อง CPAP ชิ้นละ 4,000 บาท
3. ค่าอุปกรณ์เสริม เช่น แผ่นกรองอากาศ กระดาษ ฟองน้ำ ให้รวมอยู่ในค่าบริการทางการแพทย์ ของสถานพยาบาลที่สำนักงานกำหนดสิทธิ์ในการรับบริการทางการแพทย์สำหรับผู้ประกันตน
สำหรับรายละเอียดของหลักเกณฑ์และขั้นตอนปฏิบัติในการเบิกจ่าย เราแนะนำให้สอบถามกับโรงพยาบาลหรือตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจะให้ข้อมูลได้แม่นยำที่สุด
ตัวเลือกที่เราแนะนำ
เครื่อง CPAP ยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ใช้งานง่าย เสียงเบา และบันทึกข้อมูลสำคัญได้ครบ
เครื่อง CPAP รุ่นยอดนิยมของ Philips ที่ปรับแรงดันได้อัตโนมัติ และบันทึกข้อมูลได้เช่นเดียวกัน
เพิ่มเราเป็นเพื่อน คลิกที่นี่
แนะนำดีลที่คุ้มที่สุด แจ้งเตือนเดือนละครั้ง
