วิธีเลือกซื้อ โน๊ตบุ๊คมือสอง ต้องดูอะไรบ้าง ซื้อร้านไหนดี

ถ้าคุณกำลังเล็งจะซื้อโน้ตบุ๊คมือสอง ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อ Thinkpad HP หรือ Dell อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ เพราะเรามี 10 เทคนิคในการเลือกซื้อที่คุณควรรู้ก่อนซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองให้คุ้มค่าที่สุด

แล็ปท็อปปัจจุบันนั้นแทบจะกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นในการทำงานไปแล้ว และสามารถใช้แทนคอมพิวเตอร์พีซีได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากจะพกพาสะดวกกว่าแล้ว Laptop หลายรุ่นยังถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น การเลือกซื้อ notebook หรือ laptop สำหรับนักเรียน กับโน๊ตบุ๊คสำหรับคนที่ต้องการใช้นำเสนองาน นั้นอาจต้องมองหาคุณสมบัติที่แตกต่างกัน

นอกจากจะพิจารณาคุณสมบัติหรือสเปคของเครื่องแล้ว ในความเป็นจริงเรายังต้องพิจารณาถึงราคา ซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน และนั่นเป็นจุดที่ทำให้เครื่องโน๊ตบุ๊คมือสองน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะเราสามารถซื้อเครื่องที่สเปคสูงในราคาที่ประหยัดกว่ามือหนึ่ง ซึ่งมีราคาสูงกว่ามาก โดยโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งบางรุ่นอาจมีราคามากกว่า 1 แสนบาท ขณะที่เครื่องมือสองจำนวนมากที่ราคาต่ำกว่า 10,000 หรือ 20,000 บาท สามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างสบายๆ ได้อีกหลายปี

แต่แน่นอนว่าการเลือกโน้ตบุ๊คมือสอง เราก็ต้องระวังความเสื่อมสภาพของฮาร์ดแวร์ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่ออายุการใช้งาน ซึ่งนอกจากจะดูสภาพภายนอกด้วยตาเปล่าแล้ว ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่เราอยากแนะนำให้คุณได้เลือกซื้ออย่างคุ้มค่าที่สุด ดังนี้


1. หลีกเลี่ยงโน๊ตบุ๊คที่อายุมากกว่า 3 ปี

ถ้าเป็นไปได้ เราคิดว่าคุณควรเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คที่มีอายุไม่เกิน 3 ปี โดยสามารถตรวจสอบได้ด้วยการนำชื่อรุ่นนั้นๆ ไปเสิร์ชใน Google หรือสอบถามจากผู้ขาย

เหตุผลหลักนั้นเป็นเพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ เช่น ฮาร์ดดิสก์ การ์จอ ซีพียู นั้นล้วนเสื่อมสภาพลงตามเวลา แม้จะไม่ได้ถูกใช้งานอย่างหนักก็ตาม ดังนั้น เราคิดว่าแลปท็อปมือสองรุ่นที่อายุไม่เกิน 1-2 ปี น่าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า


2. เลือกร้านที่เชื่อถือได้

นอกจากจะเลือกรุ่นที่ไม่เก่าจนเกินไปแล้ว เรายังควรเลือกร้านที่ไว้ใจได้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ถูกโกงหรือโก่งราคา บางครั้งร้านเหล่านี้จะมีโน๊ตบุ๊คราคาถูก ที่ได้มาจากบริษัทที่หมดสัญญาเช่าเครื่องหรือถึงกำหนดอัพเกรดรุ่นใหม่ โน๊ตบุ๊คเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมักจะมาพร้อมกับสเปคที่สูง และสภาพเครื่องที่ค่อนข้างใหม่

ตัวอย่างร้านที่เราคิดว่าน่าเชื่อถือ และได้รับความนิยม เช่น Johns PC Service หรือ AP COM เป็นต้น


3. เลือกซื้อเครื่องที่ยังมีประกัน

เราคิดว่ามันจะเป็นตัวเลือกที่ดีมาก หากคุณสามารถเลือกโน๊ตบุ๊คที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี และยังคงมีการรับประกันศูนย์ เช่น (เครื่อง Lenovo ในไทยส่วนใหญ่มีประกัน 3 ปี นับจากวันที่ซื้อครั้งแรก) เพื่อให้ได้การรับประกันต่อเนื่องหากเกิดปัญหาในการใช้งาน โดยไม่ต้องเสียค่าซ่อม ซึ่งหากเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วไม่มีประกัน เราอาจต้องเสียเงินเพิ่มไม่ต่างจากซื้อเครื่องมือหนึ่ง


4. เช็คราคาในท้องตลาด

ก่อนจะตัดสินใจซื้อโน๊ตบุ๊คมือสอง เราแนะนำให้เช็คราคาเครื่องใหม่มือหนึ่งก่อนว่าราคาอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะหากต่างกันไม่มาก คุณอาจเลือกซื้อเครื่องมือหนึ่งแทน นอกจากนี้ เมื่อรู้ราคาตลาดแล้ว เราก็จะสามารถต่อรองกับผู้ขายได้ง่ายขึ้น และเมื่อเข้าไปดูข้อมูลแล้วอย่าลืมเช็คสเปคด้วยว่าเครื่องมือสองนั้นๆ ตรงกับฮาร์ดแวร์ดั้งเดิมหรือไม่


5. ตรวจสอบสเปคและข้อมูลเครื่อง

เมื่อทดสอบโน๊ตบุ๊คมือสอง เราแนะนำให้เรียกดูข้อมูลสเปคว่าตรงกับที่ผู้ขายระบุไว้หรือไม่ โดยมีวิธีดูง่ายๆ เมื่อเปิดวินโดวส์ขึ้นมา ให้กดปุ่ม Start และปุ่ม R เลือก “Run” หรือกด Enter จากนั้นให้พิมพ์ “dxdiag” แล้วกด Enter อีกครั้ง ระบบจะเรียกโปรแกรม DirectX Diagnostic Tool ขึ้นมาพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของเครื่องทั้งหมด รวมถึงแจ้งเตือนหากพบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นใดมีปัญหา


6. ตรวจสอบสภาพของฮาร์ดแวร์

ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว นอกจากเช็คว่าสเปคตรงตามที่ระบุไว้ และยังใช้งานได้ปกติ เราแนะนำให้เช็คสภาพการใช้งานจริง เช่น ทดสอบฮาร์ดดิสก์โดยทดลอง copy และ paste ไฟล์ขนาดใหญ่ ย้ายไปมาระหว่าง drive บนครื่อง หากพบว่ามีปัญหาช้าผิดปกติอาจเป็นไปได้ว่าไดรฟ์มีปัญหา


7. ตรวจสอบแบตเตอรี่

อีกหนึ่งข้อสำคัญที่ต้องระวังในการซื้อคอมพิวเตอร์สอง คือ สภาพของแบตเตอรี่  เพราะสาเหตุใหญ่ที่สุดที่คนส่วนใหญ่นำแล็ปท็อปมาขายมือสองคือแบตเตอรี่เริ่มเก่าและเสื่อมสภาพ เราควรทดสอบชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม และทดลองใช้จนกว่าแบตเตอรี่จะหมด หากพบว่าอายุการใช้งานนั้นผิดปกติ เราแนะนำให้ส่งคืนหรือขอให้ผู้ขายเปลี่ยนแบตเตอรี่ก่อนซื้อ


8. ตรวจสอบหน้าจอ

หน้าจอ LCD หรือ OLED บนโน๊ตบุ๊ก เป็นอีกจุดที่มักเกิดปัญหา และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงในการซ่อม เราแนะนำให้ตรวจสอบว่าไม่มีจุดหรือ pixel ที่แสดงผลผิดเพี้ยนบนหน้าจอ โดยเคล็ดลับคือการทดลองเปิดและปิดฝาพับอย่างช้าๆ เพราะหน้าจอที่มีปัญหาเมื่อขยับหรือเขย่าเล็กน้อยจะเกิดอาการกะพริบ หรือมีลายคลื่นบนหน้าจอ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าหน้าจอนั้นเริ่มมีปัญหาแล้ว


9. ทดสอบการใช้งาน

ซื้อโน๊ตบุ๊คมือสอง ต้องเช็คอะไรบ้าง? นอกจากทดสอบหน้าจอและแบตเตอรี่แล้ว ในการซื้อโน๊ตบุ๊คมือสอง เราแนะนำให้ควรตรวจสอบอุปกรณ์ในส่วนที่เราต้องใช้งานเป็นประจำ ดังนี้

  • คีย์บอร์ด ทดลองพิมพ์ดูว่าใช้ได้ทุกตัวอักษรโดยไม่ติดขัด
  • แทร็คแพ็ด ทดลองเลื่อนดูว่าสามารถคลิกซ้าย-ขวา และเคลื่อนไหวได้ตามปกติหรือไม่
  • Wi-Fi และ Bluetooth ทดลองเปิด-ปิด และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงเช็คความเร็วเน็ต (ถ้ามีเวลาพอ)
  • พอร์ตต่างๆ ทดลองเสียบ แฟลชไดรฟ์ ในช่องเสียบ USB ทุกช่องเพื่อให้แน่ใจว่าใช้งานได้
  • พัดลม เช็คอุณหภูมิเครื่อง และสังเกตว่าพัดลมเสียงดังผิดปกติหรือไม่
  • Webcam ทดลองเปิดใช้งานว่ายังสามารถใช้งานได้จริง
  • ลำโพง แม้ว่าลำโพงของโน๊ตบุ๊คส่วนใหญ่จะเสียงไม่ดีมากนัก ควรทดสอบให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาลำโพงแตก

10. อย่าโอนเงินไปก่อน ถ้าไม่แน่ใจ

เราแนะนำให้ระมัดระวังอย่างมากในการโอนเงินให้ผู้ขายโดยที่ยังไม่ได้รับสินค้าหรือทดสอบการใช้งาน โดยเฉพาะการซื้อขายโดยตรง เพราะคุณจะไม่ได้รับการป้องกันหรือช่วยเหลือใดๆ ต่างจากการซื้อผ่านระบบของ Lazada หรือ Shopee

เราแนะนำว่าทางที่ดีควรนัดเจอผู้ขายเพื่อทดสอบสินค้าให้พอใจก่อนจ่ายเงิน โดยอย่าลืมนัดในสถานที่ที่ปลอดภัย และพาบุคคลที่ไว้ใจได้ไปเป็นเพื่อนด้วย หรือหากต้องส่งพัสดุก็อาจเลือกเป็นแบบจ่ายเงินปลายทาง หรือ COD ที่อย่างน้อยก็แน่ใจได้ว่าได้รับสินค้า เมื่อเทียบกับการโอนเงินไปก่อน