MacBook รุ่นไหนดีที่สุดสำหรับการใช้งานของคุณ

การปรับราคา MacBook ครั้งล่าสุดของ Apple ในปี 2019 นี้ ทำให้เรามองว่า MacBook Pro ใหม่ รุ่นพื้นฐาน ที่มีราคาถูกลงมาจากเดิมหลายพันบาท กลายมาเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ ด้วยราคาที่สูงกว่า MacBook Air รุ่นถูกที่สุดอยู่ราว 7,000 บาท คุณจะได้ซีพียูที่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลและแสดงภาพที่สูงกว่าอย่างสัมผัสได้ รวมถึง Touch Bar (ซึ่งหลายคนอาจชอบหรือไม่ชอบ) ที่โดยรวมน่าจะทำให้มันมีอายุการใช้งานที่นานกว่า Air อย่างชัดเจน

MacBook ทุกรุ่นนั้นถือว่ามีราคาแพงเมื่อเทียบกับ Laptop ยี่ห้ออื่น ๆ ที่มีสเปคใกล้เคียงกันหรือสูงกว่า แต่เหตุผลหลักที่เราคิดว่าคนส่วนใหญ่ รวมถึงทีมงาน roonnhaidee หลายคนเลือกใช้งานแม็คบุ๊คนั้น คือ ความสะดวกและเสถียรของ MacOS ที่หลายคนรู้สึกว่าใช้งานได้สะดวกกว่า Windows และการทำงานร่วมกันของ software และ hardware ที่ชดเชยในเรื่องของสเป็คเครื่องได้ เช่นเดียวกับแบตเตอรี่และดีไซน์ของตัวเครื่องที่ยังทำได้ดีกว่าแลปท็อปส่วนใหญ่

เรารวบรวมข้อมูลจากการใช้ใช้งานจริงของทีมงาน ประกอบกับรีวิวทั้งในไทยและต่างประเทศสำหรับแต่ละรุ่น โดยพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการใช้งานเป็นหลัก เช่นเดียวกับความสะดวก อาทิ พอร์ทต่าง ๆ และอายุของแบตเตอรี่ เมื่อเทียบกับราคาของแต่ละรุ่น


สารบัญ

  • ข้อควรพิจารณาก่อนซื้อ MacBook
  • รุ่นที่ดีที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่
  • รุ่นที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานขั้นสูง
  • รุ่นประหยัดที่ดีที่สุด
  • ตัวเลือกอื่น ๆ

ข้อควรพิจารณาก่อนซื้อ MacBook

Macbook Pro

หากคุณเป็นเจ้าของแม็คบุ๊กรุ่นที่เปิดตัวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราคิดว่ารุ่นที่มีวางขายในปัจจุบันนั้นอาจไม่แตกต่างจากรุ่นที่คุณใช้งานอยู่มากนัก และคุณอาจพิจารณารออีกซักพักก่อนจะตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่

แลปท็อปของแอปเปิลในช่วงปี 2009-2013 นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของอายุการใช้งาน และสเปคที่สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 5-6 ปี โดยเฉพาะรุ่น Pro ระหว่างปี 2011-2012 ที่หลายคนนำไปอัพเกรดฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD และเพิ่ม Ram ซึ่งสามารถเพิ่มอายุการใช้งานได้อีกมาก

แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญในการเลือกซื้อเครื่องรุ่นใหม่ ๆ คือ คุณจะไม่สามารถอัพเกรดส่วนประกอบภายในได้ง่ายดายเหมือนรุ่นเก่า ๆ ดังนั้นหากคุณควรพิจารณาให้มั่นใจว่ารุ่นที่คุณซื้อจะสามารถรองรับการใช้งานได้ในระยะยาว


1. รุ่นที่ดีที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่

สำหรับคนที่ต้องการอัพเกรดเครื่องรุ่นเก่ากว่า หรือเปลี่ยนมาใช้ MacBook ณ ตอนนี้ เราเชื่อว่า MacBook Pro 13 นิ้ว ปี 2019 เป็นรุ่นที่ดีที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่

ด้วยราคา 42,900 บาท คู่แข่งที่สูสีที่สุดในด้านความคุ้มค่าของ Pro รุ่นพื้นฐานนี้ คือ MacBook Air ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 35,900 บาท แต่เราคิดว่า ความเร็วที่ได้เพิ่มขึ้นมาจากซีพียูประมวลผล Intel Core i7 2.8GHz แบบ 4-core นั้นเป็นข้อแตกต่างที่ชัดเจน และทำให้มันคุ้มค่าที่จะลงทุนเพื่อการใช้งานที่หลากหลายในระยะยาว

ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 4.7GHz แม็คบุ๊กโปรรุ่นนี้มีความสามารถเกินพอในการรองรับการใช้งานทั่วไป เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ รับส่งอีเมล พิมพ์งานเอกสาร ไปจนถึงการตัดต่อภาพและวิดีโอ ในราคา 42,900 บาท

หากคุณคุ้นเคยกับแม็คบุ๊ครุ่นเก่า ๆ ข้อแตกต่างสำคัญที่คุณจะสัมผัสได้คือความสดจองหน้าจอแสดงผลแบบเรตินา ด้วยความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล (227 ppi) ที่สามารถแสดงสีสันได้ดีกว่าแลปท็อปส่วนใหญ่ และเท่าเทียมกับ Pro รุ่นที่แพงกว่าหลายรุ่น อีกทั้งมันยังมีขนาดและน้ำหนักที่กะทัดรัดและเบากว่า

ด้วยขนาด 1.49 x 30.41 x 21.24 ซม. และน้ำหนัก 1.37 กก. มันถือว่ามีขนาดและน้ำหนักไม่ต่างจาก Air มากนักและยังถือว่าพกพาได้สะดวกในกลุ่มแลปท็อปขนาด 13 นิ้วด้วยกัน

แมคบุ๊ครุ่นนี้ยังมาพร้อมกับแทร็กแพด (track pad) ขนาดใหญ่กว่า ซึ่งเราคิดว่าช่วยให้ใช้งานได้สะดวกอย่างมาก โดยมีเทคโนโลยี Force Touch ซึ่งถูกนำมาใช้ตั้งแต่โมเดลปี 2016 เป็นต้นมา ซึ่งใช้การสั่นจำลองการกดคลิก (haptic feedback) เหมือนปุ่มโฮมบน iPhone 7 ยังใช้งานได้ดีกว่า track pad ของแลปท็อปยี่ห้ออื่น ๆ และมีเว็บไซต์รีวิวหลายแห่งยกให้เป็น track pad ที่ดีที่สุดอีกด้วย

นอกจากนี้มันยังมี Touch Bar ซึ่งสามารถเลือกปรับแต่งปุ่มต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการใช้งานของคุณได้ ถึงแม้ทีมงานของเราหลายคนจะรู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์นักในตอนนี้ และหลายคนชอบปุ่ม F1-12 แบบดั้งเดิมมากกว่า เราเชื่อว่าในอนาคตแอปต่าง ๆ จะเริ่มใช้ประโยชน์จาก Touch Bar ได้มากขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ดังนั้นการมี Touch Bar ในแม็คบุ๊กเครื่องใหม่จึงเป็นเรื่องที่ดีในความเห็นของเรา

MacBook Air รุ่นใหม่

ข้อเสียอย่างหนึ่งของแม็คบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ รวมทั้งทุกรุ่นที่เราแนะนำ คือ การเปลี่ยนมาใช้งานพอร์ท Thunderbolt แบบ USB-C ทั้งหมด โดยมีมาให้เพียงแค่ 2 พอร์ท (พร้อมกับพอร์ทหูฟังแบบ 3.5 mm อีกหนึ่งพอร์ท) เท่านั้น นั่นทำให้คุณต้องอาศัย adapter ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อย่าง ปรินเตอร์, card reader และแฟลชไดรฟ์ ซึ่งเท่ากับต้องพกพาอุปกรณ์เพิ่มอีกอย่างน้อยหนึ่งชิ้น

Pro รุ่นพื้นฐานมาพร้อมกับพื้นที่ความจุ 128 GB ซึ่งเราคิดว่าอาจน้อยไปสำหรับคนที่ต้องการตัดต่อวิดีโอหรือรูปภาพจำนวนมาก ถึงแม้จะสามารถอัพเกรดได้สูงสุดเป็น 2 TB ก็ตาม

นอกจากนี้ พอร์ทชาร์จไฟแบบแม่เหล็กที่เคยเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของแอปเปิล อย่าง MagSafe ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้ เครื่องถูกกระชากหล่นเมื่อมีคนเดินสะดุดสายชาร์จ ที่เคยมีในรุ่นเก่า ๆ ก็ถูกยกเลิกไปในรุ่นนี้

Butterfly Keyboard คีย์บอร์ดรุ่นใหม่ที่บางคนรักและหลายคนชัง เป็นอีกอย่างหนึงที่ทีมงานรุ่นไหนดีมองว่าเป็นข้อเสียของเครื่องโมเดลนี้ ด้วยแป้นพิมพ์ที่มีปุมกดตื้นกว่าคีย์บอร์ดทั่วไป นั้นทำให้การกดปุ่มแต่ละครั้งรู้สึกเบาและผิดธรรมชาติจากเดิม

เราเชื่อว่านี่เป็นข้อเสียอย่างหนึ่งที่หลายคนจะรู้สึกได้ อย่างน้อยก็ในช่วงแรก โดยเฉพาะคนที่พิมพ์งานเป็นประจำ ทั้งนี้ หลายคนน่าจะจะสามารถปรับตัวได้เมื่อใช้ไปสักพักหนึ่ง แต่หากคุณใช้งานอยู่กับที่เป็นหลักและรู้สึกไม่ชอบคีย์บอร์ดแบบใหม่ของแอปเปิลนี้ เราแนะนำให้ซื้อคีย์บอร์ดไร้สายเพิ่มเติม ซึ่งเราได้รีวิวรุ่นที่ดีสุดเอาไว้ก่อนหน้านี้


2. MacBook รุ่นประหยัดที่ดีที่สุด

MacBook Air 13 นิ้ว รุ่นปี 2019 ได้ปรับลดราคาลงมา โดยปัจจุบันเริ่มต้นที่ 35,900 บาท เราคิดว่ามันยังเป็นแลปท็อปที่คุ้มค่าในการใช้งาน และตอบโจทย์การใช้งานของหลายคนโดยเฉพาะในด้านราคา น้ำหนัก และอายุแบตเตอรี่ที่นานกว่า Pro ในราคาที่ถูกกว่าถึง 7,000 บาท

นอกจาก Air รุ่นนี้จะมีความละเอียดของหน้าจอ คีย์บอร์ด และ Touch Pad ที่แทบไม่ต่างจากรุ่น Pro 13 นิ้วที่เราแนะนำแล้ว (Touch Pad อาจมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย) มันยังมีดีไซน์ที่ลาดเข้าหาผู้ใช้งาน ซึ่งหลายคนบอกว่าทำให้การวางมือพิมพ์งานต่าง ๆ สะดวกสบายยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าข้อเสียที่ชัดเจนที่สุด คือ ซีพียูประมวลผลซึ่งช้ากว่า Pro 13 นิ้วอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับ ปุ่มฟังก์ชั่น F1-12 แบบเก่า แถมด้วยเซนเซอร์ Touch ID สำหรับการแสกนลายนิ้วมือ ซึ่งในส่วนนี้อาจเป็นข้อดีหรือข้อเสีย ขึ้นอยู่กับคุณว่ารู้สึกอย่างไรกับ Touch Pad

พนักงานขายและผู้ที่ใช้งาน MacBook Air หลายคน มองว่ามันถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าสำหรับคนที่ต้องการใช้งานพื้นฐาน เพราะความเร็ว


อ่านเพิ่มเติม


3. รุ่นอัพเกรดสำหรับการใช้งานขั้นสูง

สำหรับคนที่ใช้งานตัดต่อรูปและวิดีโอ เราคิดว่าคุณน่าจะพิจารณา MacBook Pro รุ่น 15 นิ้วปี 2019 ที่มาพร้อมกับ Touch Bar ซึ่งเราคิดว่าน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถึงแม้จะมีราคาสูงกว่ารุ่นที่เราแนะนำสำหรับคนส่วนใหญ่ถึงเกือบ 2 เท่า (เริ่มต้นที่ 79,900 บาท) มันยังถือเป็นรุ่นที่ประมวลผลได้เร็วที่สุด และมีหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน

นอกจากความเร็วในการประมวลผลที่สูงกว่า MacBook Pro รุ่นพื้นฐานมากกว่า 30% แล้ว Pro 15 นิ้วนี้มันยังมีพอร์ต Thunderbolt 3 (USB-C) จำนวน 4 พอร์ต ซึ่งมากกว่า Pro ขนาด 13 นิ้วที่เราแนะนำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลายชิ้นพร้อม ๆ กัน และยังรองรับการเชื่อมกับโทรทัศน์แบบ 5K ถึงสองจอพร้อมกัน

ถึงแม้จะมีคีย์บอร์ดแบบ Butterfly ที่เรารู้สึกว่าใช้งานได้ไม่ถนัด มันยังถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ใช้งานตัดต่อวิดีโอและภาพเป็นหลัก ด้วยความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าทั้ง Air และ Pro รุ่นเบื้องต้นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการใช้ MacOS เพื่อตัดต่อวิดีโอในที่ทำงานเป็นหลัก และไม่จำเป็นต้องพกพาไปที่ต่าง ๆ เราคิดว่า iMac หลายรุ่นอาจตอบโจทย์การใช้งานของคุณในราคาที่คุ้มค่ากว่า ด้วยขนาดจอที่ใหญ่กว่ามาก อย่างไรก็ตาม การลงลงทุนซื้อจอเพิ่มเพื่อใช้งานกับแมคบุ๊คโปรก็เป็นอีกทางเลือกที่เหมาะกับคุณ

เว็บไซต์ในต่างประเทศหลายแห่ง แนะนำให้เลือกซื้อรุ่นที่อัพเกรดเป็น ซีพียู Intel Core i9  แบบ 8 core ซึ่งมีราคาถึง 93,900 บาท และแน่นอนว่าไม่มีเหตุผลที่คุณต้องลงทุนซื้อรุ่นนี้เพื่อการใช้งานทั่วไป เช่น พิมพ์งาน ตอบอีเมล หรือใช้งานเว็บไซต์


ตัวเลือกอื่น ๆ

(เราไม่แนะนำให้ซื้อรุ่นเก่าเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่ Apple เลิกขายอย่างเป็นทางการแล้ว)

MacBook 12 นิ้ว
ถึงแม้แม็คบุ๊กรุ่น 12 นิ้ว จะมีดีไซน์ที่น่าใช้งานและพกพาได้สะดวกที่สุด ด้วยน้ำหนักและขนาดที่เล็กที่สุด ด้วยความบางเพียง 0.52 นิ้ว และมาพร้อมกับหน้าจอแบบ Retina ความละเอียด 2304×1440 ที่ทำให้ฟังดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการใช้งานทั่วไปของคนส่วนใหญ่ มันกลับเป็นหนึ่งในรุ่นที่ไม่คุ้มค่าที่สุดในความเห็นของทีมเรา

ปัญหาใหญ่ที่ทำให้แมคบุ๊ครุ่นนี้มียอดขายที่ต่ำกว่าคาดการณ์ คือ ความเร็วในการประมวลผลที่ทำได้ด้อยกว่า แลปท็อปของแอปเปิลทุกรุ่นในราคาเท่ากับ Pro 13 นิ้ว รุ่นที่เราแนะนำ เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ควรตัดสินใจซื้อรุ่นที่เราแนะนำ หรือ Air มากกว่า

Pro 13 นิ้ว แบบไม่มี Touch Bar
ก่อนหน้าที่ Air รุ่นใหม่จะออกมา เราเลือกแนะนำ Pro รุ่นที่ไม่มี Touch Bar นี้ แต่ด้วยราคาที่แพงกว่าอยู่ 5 พันบาท ไม่มี Touch ID และมีสเปคอื่น ๆ ที่ไม่ต่างกันนัก เราคิดว่า Air ซึ่งเป็นรุ่นที่ทั้งใหม่และเบากว่าเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับคนส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตามเรายังเลือกแนะนำรุ่นนี้มากกว่ารุ่นที่มี Touch Bar เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ได้ประโยชน์จาก Touch Bar มากนักในการใช้งานทั่วไป เมื่อแลกกับการต้องจ่ายเงินเพิ่มถึง 18,000 บาท อีกทั้งมันยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่ารุ่นที่มี Touch Bar อีกด้วย

Pro 13 นิ้ว แบบมี Touch Bar
ด้วยราคาต่างจาก Pro รุ่นไม่มี Touch Bar ถึง 18,000 บาท (ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 65,900 บาท) โดยที่สเปคและการใช้งานส่วนใหญ่นั้นแทบไม่แตกต่างกัน รวมทั้งยังมีอายุแบตเตอรี่ที่น้อยกว่า ตามที่เราให้เหตุผลไว้ข้างต้น เราเชื่อว่า Pro แบบไม่มี Touch Bar นั้นเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่ามาก และหากคุณต้องการ Touch bar ซึ่งอาจมีประโยชน์ในการใช้งานมากขึ้นในอนาคต เราคิดว่าคุณน่าจะรอดูโมเดลถัดไปในปีหน้าที่อาจมีสเปคที่สมเหตุสมผลกับราคากว่านี้