ครม. เห็นชอบ ยกเว้นภาษีนำเข้าคาร์ซีท Car Seat 20% ถึงปีหน้า

ครม. เห็นชอบให้ยกเว้นภาษีอากรที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือ car seat จนถึง 31 ธ.ค. 2565 หลังประกาศกฎหมายให้พ่อแม่ต้องติดตั้งที่นั่งสำหรับเด็กเล็กในรถยนต์เมื่อเดือนที่ผ่านมา

สื่อมวลชนรายงานวันนี้ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ลงมติเห็นชอบร่างประกาศกฎกระทรวงการคลัง ซึ่งจะ “ลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร สำหรับที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เฉพาะที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กนำเข้ามา” ที่เดิมจัดเก็บอยู่ที่ร้อยละ 20 โดยการยกเว้นดังกล่าวจะมีผลไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เริ่มต้นจากวันถัดไปหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ทั้งนี้ ร่างดังกล่าวยังกำหนดให้กลับมาจัดเก็บอัตราอากรในอัตราเดิมที่ 20% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา พ.ร.บ. การจราจรทางบกฉบับใหม่ได้กำหนดให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี และผู้โดยสารที่สูงไม่เกิน 135 ซม. ต้องนั่งในที่นั่งนิรภัยหรือคาร์ซีทเมื่อเดินทาง โดยประกาศบังคับใช้ในวันที่ 5 ก.ย. 2565 ซึ่งหากไม่ทำตามจะมีโทษทั้งจับและปรับ

ตลาดคาร์ซีทคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังประกาศดังกล่าว ซึ่งทำให้พ่อแม่ต้องตระเวนหาซื้อที่นั่งนิรภัยสำหรับลูกน้อย โดยราคาทั้งมือหนึ่งและมือสองหลายยี่ห้อปรับตัวขึ้น และเกิดปัญหาสินค้าขาดตลาดในบางพื้นที่

ผู้ปกครองหลายคนไม่เห็นด้วยกับการประกาศใช้กฎหมายซึ่งดูเหมือนไม่ได้มีเวลาให้ผู้ปกครองเตรียมตัวมากเท่าที่ควร และยังเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา อย่างไรก็ตาม สถิติอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นแสดงให้เห็นว่า เด็กที่ไม่ได้นั่งในคาร์ซีทมีโอกาสเสียชีวิตและบาดเจ็บสูงกว่าเด็กที่นั่งคาร์ชีทสูงสุดถึง 71% นอกจากนี้ ยังพบว่าคาร์ซีทสามารถลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตในเด็กอายุ 1-4 ขวบได้ถึง 54% เลยทีเดียว

เรายังไม่แน่ใจว่าการยกเว้นอัตราภาษีอากรนำเข้าคาร์ซีทครั้งนี้ จะทำให้ราคาในตลาดถูกลง และเป็นผลดีต่อพ่อแม่ หรือผู้ที่ได้ประโยชน์จะเป็นกลุ่มผู้นำเข้าสินค้ามากกว่า ทั้งนี้ ต้องติดตามราคาขายปลีกหน้าร้านว่าการงดเว้นภาษีครั้งนี้จะส่งผลให้ราคาขายลดลงหรือไม่